ผมพยายามคิดอยู่นานว่า จะเขียนเรื่องนี้ให้เข้าใจได้อย่างไร เนื่องจากส่วนตัวก็อ่านเรื่องนี้มามาก พออ่านเสร็จก็ค้นพบว่าความรู้เท่าเดิมหรือถึงขั้นน้อยลง เพราะส่วนตัวผู้เขียนเอง..ก็ถือว่าเป็นผู้มีการศึกษา....ต่ำ จึงอาจไม่ค่อยเข้าใจได้
เอาเป็นว่าเริ่มต้นแบบนี้ก็แล้วกัน
จากภาพแรก เราจะเห็นว่า หลังจากที่มีการจัด event ด้วยการระเบิดตึก world trade center โชว์ความหวาดกลัวให้โลกเห็น รัฐบาลบุช ก็เพิ่มงบประมาณมากมายมหาศาล ทำให้หนี้สาธารณะของคนอเมริกันเพิ่มจาก 5 ล้านล้านเหรียญ ไปสู่ 10 ล้านล้านเหรียญ จากภาพเราจะเห็นว่าการเพิ่มขึ้นของหนี้จะค่อนข้างสมดุลย์คือ ทั้ง
ภาครัฐบาล
ภาคเอกชน
ภาคประชาชน
จากการเพิ่มขึ้นของ money supply ในระบบทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และที่สำคัญคือ การเพิ่มขึ้นของบรรดาตราสารอ้างอิงทางการเงินแบบพิศดาร ที่เกิดขึ้นมากมาย
ระบบได้ถูกออกแบบให้เกิด Boom Bust Cycle
เพราะ....เมื่อ Boom ผู้คนก็จะก่อหนี้กันมหาศาลเพื่อมาจ่ายดอกเบี้ย
เมื่อ Bust ระบบล่มลง ก็จะให้ผู้คนหวาดกลัว ก็จะยอมถูกขุดรีดภาษีเพิ่ม เพื่อมารักษาความล้มเหลวของระบบที่ตัวเองไม่ได้ก่อ
เพราะผู้คนไม่เคย....ฉลาดพอ...ที่จะเห็นว่าระบบออกแบบไว้อย่างไร และจำยอมที่จะจ่ายราคาในความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อไว้
หลังจากนั้น เปลี่ยนม้า...ให้โอบาม่า เข้ามา ก็จัดการสร้างหนี้ จาก 10 ล้านล้านเหรียญ ไปสู่ 20 ล้านล้านเหรียญและลดอัตราดอกเบี้ยมาสู่ 0 - 0.25%
ทำให้ Balance Sheet ของ FED เพิ่มขึ้นมี DE Ratio ขึ้นมาเป็น 77:1 แต่ไม่มีกฏหมายเรื่องความเสี่ยงจึงไม่มีปัญหาอะไรเพราะนี่คือ The Biggest scam in History.
ถ้าสังเกตจากรูปจะพบว่า money supply ได้เพิ่มขึ้นมากใน 2 ส่วนคือ
ภาครัฐบาล
ภาคเอกชน
เราจะค้นพบว่าการเพิ่มขึ้นนี้มีผลคือ....การเพิ่มขึ้นของ
Balance Sheet ของบริษัทเอกชนทั่วโลก ซึ่งมีผลทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลก ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
และ
การเพิ่มขึ้นของ....หนี้สาธารณะ...ของรัฐบาลทั่วโลก
เนื่องจากเงินดอลล่าร์ที่พิมพ์จากอากาศปริมาณมหาศาลไหลเข้าธนาคารกลางกลางทั่วโลก
ในนาม...ทุย...สำรองเงินตราต่างประเทศ
(อ๋อ..ลืมบอกไปว่า แบงค์ชาติทั่วโลก รับนโยบายจาก BIS ที่ Rothschild ตั้งขึ้นเมื่อปี 1933 แล้วก็จัดการหา Spacial Goyem ไปทำการ Brian washing เพื่อให้คิดและแก้ปัญหาในทางที่ผู้คุมระบบออกแบบไว้ สังเกต นายกฯไม่สามารถปลดผู้ว่าฯแบงค์ชาติได้ ส่วนลึกกว่านี้เอาไว้หลังไมค์)
มาถึงต่อนี้ Fed ส่งที่ปรึกษา Carlyle Group ที่ดูแลพอร์ตการลงทุนของตระกูลบุช และ บินลาเดน (เอ๋...ยังงัยกันนะ เหอะๆๆ)
มาเป็นประธาน FED คนใหม่
ก็มามีหน้าที่...ขึ้นดอกเบี้ยแบบ non stop เพราะ
FED ได้สูญเสียการควบคุมสภาพคล่องของโลกไปแล้ว
(สังเกตพอ Bond Yield ถูกลากขึ้นมา ก็จะมีแรงขายออกมาตลอดในทุกวัน)
ที่นี้ผมก็เห็นแต่คนมาพูดในเชิงบวกของการขี้นดอกเบี้ย
ฟังแล้วรู้สึก....รำคาญมากกกกกกก.......!!!!
คิดง่ายๆนะ
ในปีนี้ ...ผมมีเงินเหลือ 50,000 บาท
ผมก็เอาเงินที่คาดว่าจะได้ก้อนนี้ มาทำเป็นอัตราดอกเบี้ย
(เพราะอเมริกา...มันมีความสามารถพิเศษในฐานะ..นักเลงคุมซอย...คือ...มันกู้เงินจากคนทั้งโลก....และเป็นลูกหนี้อภิสิทธิ์ชน..ที่กำหนด...อัตราดอกเบี้ย...เจ้าหนี้ได้)
กลับมา...ผมเอาเงิน 50,000 มาเป็นอัตราดอกเบี้ย ถ้าคิด 5%
ผมก็จะกู้เงินทุกๆท่าน (ในนามการลงทุนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงไม่สูง...มันสั่งสอนกันมาแบบนี้)
ผมก็จะกู้เงินได้ 1,000,000 ในอัตราดอกเบี้ย 5%
ถ้าผมลดดอกเบี้ยมาเป็น 1% เงิน 50,000 ของผมจะสามารถเอามาเป็นดอกเบี้ยเพื่อกู้เงินได้
5,000,000 ในอัตราดอกเบี้ย 1% ใช่มั๊ย
และ
ถ้าผมใช้อัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.25% ผมก็จะกู้เงินได้ 20,000,000 ใช่มั๊ยครับ
แต่ปัญหาคือ....เมื่อหนี้เกิด...มันไม่เคยลด
เมื่อดอกเบี้ยขึ้น จาก 0.25% มาเป็น 1.5%
สิ่งที่ผมจะเผชิญคือ เงินกู้ 20 ล้าน
ผมมีภาระต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 300,000 ทันที
แต่ ผมมีเงินจ่าย 50,000
จากภาพจะเห็นว่า เงินมาไม่ถึง ประชาชนเท่าที่ควรจึงดันเศรษฐกิจไม่ขึ้น จึงเกิด.....คำว่า
"รวยกระจุก..จนกระจาย"
ทั้งๆที่มี Money Supply ในปริมาณมหาศาล
ที่นี้ GDP โลก มีขนาด 80 ล้านล้านเหรียญ ถ้าโต 3%
จะโต 2.4 ล้านล้านเหรียญ
แต่หนี้ทั่วโลกมีขนาด 233 ล้านล้านเหรียญ
ถ้าอัตราดอกเบี้ยขึ้น 1% จะมีภาระดอกเบี้ย 2.33 ล้านล้านเหรียญ
ไม่คิดถึงว่าเรื่องตราสารหนี้ในเกรดการลงทุนที่ต่างกัน
คุณคิดแบบง่ายๆคือ
เวลากู้ซื้อบ้าน....ในสลิปคุณจ่าย...เงินต้น...หรือ..ดอกเบี้ย
มากกว่ากัน....แล้วถ้าอัตราดอกเบี้ยที่กู้ซื้อบ้านขึ้น 1% คุณมีภาระจ่ายดอกเบี้ยเท่าไรครับ ตอนแรกก็พอได้
ปัญหาจะไม่หนักถ้ารายได้คุณเพิ่มขึ้นใช่มั๊ย
แต่ถ้ารายได้...ไม่เพิ่ม...แต่..ค่าใช้จ่ายอื่นๆเพื่มจะเกิดอะไรขึ้นครับ
ปัญหานี้มันจะไม่ระเบิดทันที จะค่อยๆเป็นค่อยไป
ครั้งต่อไปจะมาเขียนถึง
การเกิดผลกระทบและตราสารหนี้และตราสารการเงินอ้างอิงต่างๆ
เพราะ.....
This is the crisis.
The greatest crisis in the history of mankind.
Cr.ทวีสุข ธรรมศักดิ์
ปล.เวลาเขียนพวกนี้ที่ไร..จะมีพวกไร้ปัญญาแต่อยากเป็น กูรู้
ก็อปเอาไปสร้างภาพ แต่กลวงกลาง ทำให้สะท้อนวุติภาวะ การอบรมสั่งสอนจากครอบครัว และสถาบันการศึกษา
ดังนั้นจะก็อปก็กรุณาเอาไปให้หมด
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman