เศรษฐกิจมีปัญหาฉุดค่าเงินเอเชียอ่อนสุดรอบใหม่

สกุลเงินเอเชียเจอแรงกดดันถูกเทขายอย่างหนัก เมื่อวันพุธ (27 ก.ย.) ซื้อขายกันใกล้ระดับต่ำสุดของปี ผลจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งในประเทศและต่างประเทศส่งผลกระทบต่อภูมิภาคและเกิดขึ้นในช่วงที่หลายประเทศเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ

เว็บไซต์นิกเคอิเอเชีย รายงานว่า ทั้งเงินเยน เงินวอน และเงินบาท เมื่อเร็วๆ นี้ต่างดิ่งสู่ระดับต่ำสุดของปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ผลพวงจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยไม่หยุดหย่อน และมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีกส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐกับเอเชียกว้างมากขึ้น
เงินเยนยังคงยืนเหนือ 149 เยนต่อดอลลาร์ ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน เมื่อวันอังคาร (26 ก.ย.) เงินวอนร่วงลงมาอยู่ที่ 1354.6 วอนต่อดอลลาร์ ขณะที่เงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ที่ 36.5 บาท ทั้งสองสกุลต่ำสุดในรอบ 10 เดือนนับตั้งแต่ พ.ย.2565
ในปีที่ผ่านมาธนาคารกลางในเอเชียขึ้นดอกเบี้ยเช่นเดียวกับเฟด แต่พอถึงปีนี้ ส่วนใหญ่ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ด้วยหวังการการขึ้นดอกเบี้ยครั้งก่อนมากพอลดกระแสเงินเฟ้อได้
เมื่อวันที่ 20 ก.ย. เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงสุดในรอบ 22 ปีด้วย แต่บอกเป็นนัยว่าจะขึ้นอีก ด้วยคาดว่าเศรษฐกิจและการจ้างงานปี 2567 และ 2568 ขยายตัวแข็งแกร่ง
ส่วนเงินเยนยังถูกกระหน่ำด้วยความเห็นสายพิราบของคาซุโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ที่เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ย้ำถึงความมุ่งมั่นของบีโอเจต่อการใช้นโยบายการเงินในระดับผ่อนคลายมาก ลบกระแสคาดการณ์ที่ว่า บีโอเจจะเปลี่ยนไปใช้นโยบายการเงินตึงตัวเร็วสุดเดือน ธ.ค.
เมื่อวันอังคาร (26 ก.ย.) เงินเยนอ่อนค่าลงไปอยู่ที่ 149 เยนต่อดอลลาร์ ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2565 แม้ชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังเตือนในวันเดียวกัน
“ความผันผวนมากเกินไปเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ หน่วยงานการเงินญี่ปุ่นกำลังสื่อสารกับหน่วยงานการเงินต่างประเทศ”
ด้านผู้เล่นในตลาดไม่ได้สนใจความเห็นดังกล่าว กล่าวว่า พวกเขายังไม่เห็นสัญญาณความเร่งด่วนในความเห็นของซูซูกิ
“แค่รอเวลาเท่านั้นว่าอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์-เยนจะไปถึงแนวรับ 150 เมื่อใด”
นักวิเคราะห์จากมิซูโฮ ซีเคียวริตี กล่าวไว้ในรายงาน ผู้เล่นหลายคนคาดว่าถ้าถึงระดับนั้นบีโอเจต้องเข้ามาแทรกแซง ไม่เช่นนั้นแล้วเยนอาจร่วงหนัก
ความเห็นสายพิราบของอุเอดะสะท้อนถึงความไม่แน่นอนต่อเนื่องของแนวโน้มเศรษฐกิจโลก นักเศรษฐศาสตร์บางรายถึงขนาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางเอเชียจะใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อหนุนเศรษฐกิจ
สัปดาห์ก่อนธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ลดคาดการณ์การเติบโตของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียมาอยู่ที่ 4.7% จาก 4.8% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูง ประกอบกับวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ของจีนส่อเค้าเพิ่มความเสี่ยง
ด้านเงินหยวนไม่กี่วันก่อนอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 7.34 หยวนต่อดอลลาร์ ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.2550
เมื่อวันพุธนักเศรษฐศาสตร์จากโนมูระยังมองว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ม.ค.
เช่นเดียวกับนักเศรษฐศาสตร์จากแคปิตอลอีโคโนมิก ที่มองประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียในแง่ลบ
“การขยายตัวของจีดีพีในเขตเศรษฐกิจเกิดใหม่เอเชียปีที่ผ่านมาทำได้ไม่ดี เรามองว่าการเติบโตในระยะใกล้ยังคงอ่อนแรงต่อไป เนื่องจากนโยบายการเงินตึงตัวในประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในต่างประเทศซบเซาลงส่งผลกระทบกับความต้องการ”
ส่วนประเทศอื่นๆ ในอาเซียน แคปิตอลอีโคโนมิกคาดว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซียจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้ ฟิลิปปินส์และไทยจะลดในไตรมาสแรกของปี 2567
สกุลเงินหลักไปคนละทาง
หากมองในภาพรวมทั่วโลก สกุลเงินสำคัญเดินไปคนละทางเยนและหยวนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แต่เงินยูโรไปได้ดี ปอนด์สเตอร์ลิงประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ด้วยเศรษฐกิจและแนวโน้มนโยบายการเงินที่แตกต่างกัน ทำให้สกุลเงินเคลื่อนไหวแตกต่างกันออกไปทุกที
ส่งผลให้ตลาดการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศที่ซื้อขายกันวันละ 7.5 ล้านล้านดอลลาร์ ปฏิบัติการหลังโควิด-19 ท่ามกลางสงครามในยูเครนและวิกฤติพลังงาน ยิ่งผันผวนและคาดการณ์ได้ยากไปกว่าเดิม
“เมื่อก่อนถ้าคุณจับทิศทางยูโร/ดอลลาร์ได้ถูก ก็มีโอกาสจับอย่างอื่นได้ถูก แต่ตอนนี้เริ่มยาก คุณต้องทำการบ้านมากขึ้น ความแตกต่างระหว่างสกุลเงินเพิ่มขึ้น” จอร์แดน โรเชสเตอร์ นักกลยุทธ์G10 FX ของโนมูระให้ความเห็น
เฉพาะปีที่แล้วปีเดียวเงินยูโรอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 20 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ปอนด์อ่อนค่าสุดเป็นประวัติการณ์ เยนอ่อนสุดในรอบ 32 ปี เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าหลังสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้ธนาคารกลางประเทศใหญ่อื่นๆ ตามไม่ทัน
เดือนนี้ยูโรแข็งค่าขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์และคาดว่าจะแข็งค่าต่อไปจากนโยบายสายเหยี่ยวของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่วนเงินปอนด์ปีนี้แข็งขึ้นกว่า 5% เตรียมแข็งค่ามากที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายปีนับตั้งแต่ปี 2560
โรเชสเตอร์จากโนมูระคาดว่า ยูโรจะไปอยู่ที่ 1.12 ดอลลาร์ช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า เท่ากับว่าแข็งขึ้นอีก 2% จากระดับ 1.095 ดอลลาร์ในขณะนี้ ขณะที่หยวนจะอ่อนลงไปอยู่ที่ 7.30 หยวนต่อดอลลาร์เทียบกับ 7.2 ในตอนนี้
เงินหยวนปีนี้ลงมาเกือบ 5% ผลจากเศรษฐกิจซบเซาและส่วนต่างดอกเบี้ยกับสหรัฐ
สัปดาห์นี้ทางการจีนกำหนดค่าเงินหยวนแข็งกว่าที่คาด ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลปักกิ่งไม่สบายใจมากขึ้นทุกขณะที่หยวนร่วงเร็ว
ลี ฮาร์ดแมน นักกลยุทธ์ฟอเร็กซ์อาวุโสจากเอ็มยูเอฟจี กล่าวว่า การฟื้นตัวของดอลลาร์ต่อสกุลเอเชียไปคนละทิศกับที่ซื้อขายกันเมื่อปลายปีก่อนตอนจีนเปิดประเทศอีกครั้งหลังล็อกดาวน์ เนื่องจากมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีน
“แต่ดอลลาร์ไปไม่ได้ดีในที่อื่นๆ ยังคงอ่อนค่าต่อไปเมื่อเทียบกับเงินยุโรปบางสกุลรวมถึงละตินอเมริกา” ฮาร์ดแมนกล่าวและว่าเนื่องจากความผันผวนของตลาดชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักลงทุนจึงมุ่งเน้นไปที่การดำเนินการซื้อขายแบบแคร์รีเทรดมากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากความแปรปรวนของอัตราดอกเบี้ยและวงจรการเงินระหว่างธนาคารกลางต่างๆ
ในสแกนดิเนเวีย เงินคราวน์นอร์เวย์กำลังตกอยู่ใต้แรงกดดัน ขณะที่ปัญหาอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจอ่อนแอส่งผลต่อเงินคราวน์สวีเดนด้วย สัปดาห์ก่อนอ่อนสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับยูโร ท่ามกลางความรู้สึกที่ว่าอัตราดอกเบี้ยไม่สามารถขึ้นได้มาก
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

คลิก

Cr.Bank’s Scholarship Students

-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"