สิงคโปร์ขึ้นภาษีซื้อบ้าน เป็นเมืองที่แพงสุดสำหรับชาวต่างชาติ คาดฮ่องกงได้ประโยชน์

สิงคโปร์ขึ้นภาษีซื้อบ้านชาวต่างชาติจาก 30% เป็น 60% ทำให้การซื้อบ้านในสิงโปร์ที่แพงอันดับต้น ๆ ของโลกอยู่แล้วยิ่งแพงขึ้นอีก คาดว่าฮ่องกงจะได้ประโยชน์ เพราะชาวต่างชาติอาจจะเลือกทำงานและซื้อบ้านในฮ่องกงแทนสิงคโปร์

วันที่ 27 เมษายน 2566 สำนักข่าว Business Times รายงานว่า รัฐบาลสิงคโปร์ขึ้นอัตราภาษีสำหรับอสังหาริมทรัพย์ ที่เรียกว่า Additional Buyer Stamp Duty (ABSD) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการเพื่อชะลอความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 เมษายน 2566 นี้
อัตราการจัดเก็บ ABSD ใหม่ สำหรับพลเมืองสิงคโปร์ การซื้อบ้านหลังที่ 2 จากอัตราเดิม 17% เพิ่มเป็น 20% ส่วนการซื้อบ้านหลังที่ 3 ขึ้นไป จากเดิม 25% เพิ่มเป็น 30%
สำหรับผู้พำนักถาวร (PR) ในสิงคโปร์ การซื้อบ้านหลังที่ 2 จากเดิมเก็บ 25% เพิ่มเป็น 30% สำหรับการซื้อบ้านหลังที่ 3 ขึ้นไป จากเดิม 30% เพิ่มเป็น 35%
สำหรับชาวต่างชาติที่ยังไม่ได้สถานะผู้พำนักถาวร ต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้นสองเท่า จากเดิม 30% เพิ่มเป็น 60%
สำหรับนิติบุคคลหรือกองทรัสต์ จากอัตราเดิม 35% เพิ่มเป็น 65%
แถลงการณ์ร่วมของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาแห่งชาติ และ Monetary Authority of Singapore (ธนาคารกลางสิงคโปร์) ระบุว่า มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อควบคุมความต้องการซื้อที่อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกรรมการซื้ออสังหาริมทรัพย์ประมาณ 10% ของทั้งหมด
แถลงการณ์ระบุว่า มาตรการก่อนหน้านี้ที่ประกาศใช้ในเดือนธันวาคม 2564 และกันยายน 2565 มีผลในการกำกับควบคุมการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนได้ อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 ราคาอสังหาริมทรัพย์มีสัญญาณของการเร่งตัวขึ้นอีกครั้งท่ามกลางอุปสงค์ที่ฟื้นตัว อุปสงค์จากคนในท้องถิ่น (ชาวสิงคโปร์) ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยเองมีความแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ และยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ การขึ้นภาษีรอบนี้ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านในสิงโปร์ที่สูงอันดับต้น ๆ ของโลกอยู่แล้วยิ่งสูงขึ้นอีก
Bloomberg รายงานอิงข้อมูลของ Savills Plc ว่า ภาษีการซื้อบ้านในสิงคโปร์ที่ตอนนี้ชาวต่างชาติต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 60% หมายความว่าภาษีบ้านของสิงคโปร์สูงกว่าเมืองศูนย์กลางนานาชาติที่อื่น ๆ ทั้งฮ่องกง ลอนดอน และนิวยอร์ก
ข้อมูลจาก Savills Plc เทียบให้เห็นว่า สำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์มูลค่า 5 ล้านดอลลาร์ ชาวต่างชาติจะต้องจ่ายภาษีต่าง ๆ รวมประมาณ 65% ซึ่งนั่นคือ 3.25 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ในนิวยอร์กต้องจ่ายภาษี 4% ในลอนดอนจ่าย 15%
มาร์ก เอลเลียต (Mark Elliott) หัวหน้าฝ่ายขายที่พักอาศัยระหว่างประเทศของ Savills ในฮ่องกงกล่าวว่า การขึ้นภาษีไม่เพียงแต่จะขัดขวางการซื้ออสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ยังจะขัดขวางการลงทุนในสิงคโปร์ด้วย และมันจะส่งผลดีต่อลอนดอน สหรัฐอเมริกา และตลาดอื่น ๆ
“เราค่อนข้างยืนกรานว่าสิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะขัดขวางเท่านั้น แต่ยังจะขัดขวางการลงทุนอีกด้วย” ในสิงคโปร์ “มันจะยอดเยี่ยมสำหรับลอนดอน สหรัฐอเมริกา และตลาดอื่นๆ”
นอกจากนั้น สิงคโปร์ยังมีอัตราภาษีสูงกว่าฮ่องกงและแวนคูเวอร์ถึงสองเท่า ซึ่งฮ่องกงมีแนวโน้มที่จะได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสิงคโปร์ เนื่องจากชาวจีนแผ่นดินใหญ่อาจซื้อที่อยู่อาศัยที่หรูหราในฮ่องกงแทนสิงคโปร์
ตามรายงานของ Bloomberg Intelligence ในขณะที่ฮ่องกงเรียกเก็บอากรแสตมป์ 30% สำหรับการซื้อบ้านของชาวต่างชาติ แต่ผู้ที่ได้สถานะผู้พำนักถาวร (PR) ในภายหลังจะได้รับเงินคืนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการดึงดูดกลุ่มทาเลนต์เข้าไปทำงาน
Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

คลิก

Cr.Bank’s Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านารเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"