โนมูระชี้ เศรษฐกิจใหญ่หลายแห่งจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้าท่ามกลางการเข้มงวดนโยบายของรัฐบาลและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งจะผลักเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงพร้อมกัน คาดยูโรโซน อังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และแคนาดา
จะถดถอยพร้อมกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่เศรษฐกิจจีนรอดเพราะนโยบายรัฐช่วยหนุน แม้ยังมีความเสี่ยงจากการล็อกดาวน์ใหม่
ร็อบ ซับบาราแมน และ สี หยิง โต๋ห์ นักวิเคราะห์ของโนมูระ โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า ธนาคารกลางต่าง ๆ ที่ต้องการฟื้นฟูความน่าเชื่อถือในการควบคุมเงินเฟ้อ น่าจะดำเนินการผิดพลาดที่เข้มงวดนโยบายมากเกินไป แม้ว่ามันจะส่งผลกระทบต่อการเติบโต ก่อนที่จะลดดอกเบี้ยในปี 2566
นักวิเคราะห์ทั้งสองคนกล่าวว่า มีสัญญาณมากขึ้นว่าเศรษฐกิจโลกกำลังโตลดลงในเวลาเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าหลายประเทศไม่สามารถพึ่งพาให้การส่งออกฟื้นตัวเพื่อสร้างการเติบโตได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะถดถอยหลายครั้ง
พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่า เงินเฟ้อน่าจะสูงต่อไปเมื่อแรงกดดันราคาได้แพร่กระจายจากสินค้าโภคภัณฑ์ไปยังสินค้าบริการ ค่าเช่าและค่าแรง และความรุนแรงของภาวะถดถอยจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ โนมูระคาดว่าจะถดถอยไม่รุนแรง แต่จะกินเวลานานถึง 5 ไตรมาส โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ขณะที่ในยุโรป เศรษฐกิจอาจถดถอยมากกว่ามากหากรัสเซียระงับส่งก๊าซไปยังยุโรปทั้งหมด และโนมูระมองว่า ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยูโรโซนจะหดตัว 1% ในปี 2566
ส่วนเศรษฐกิจขนาดกลาง เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา และเกาหลีใต้ มีความเสี่ยงที่จะถดถอยรุนแรงกว่าคาด หากการขึ้นดอกเบี้ยทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยพังลง
นักวิเคราะห์ของโนมูระคาดว่า เกาหลีใต้จะหดตัวรุนแรงสุดแต่เนิ่น ๆ โดยหดตัว 2.2% ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และคาดว่า ญี่ปุ่นจะถดถอยรุนแรงน้อยสุด เนื่องจากมีการสนับสนุนทางนโยบายอย่างต่อเนื่อง และการเปิดเศรษฐกิจใหม่มีความล่าช้า
จีนเป็นเศรษฐกิจที่แตกต่างจากชาติอื่น เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวเพราะการดำเนินนโยบายอย่างเอื้อเฟื้อ แม้ว่ายังคงมีความเสี่ยงที่จะมีการล็อกดาวน์ใหม่ตราบเท่าที่รัฐบาลปักกิ่งยังคงยึดมั่นต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์
ก่อนหน้านี้ เครื่องมือติดตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็กำลังชี้ว่า มีโอกาสมากขึ้นที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้เข้าสู่ภาวะถดถอย และนักเศรษฐศาสตร์ในวอลล์สตรีทส่วนใหญ่ได้ชี้ว่า มีโอกาสมากขึ้นที่จะมีการเติบโตติดลบในวันข้างหน้า แต่จะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงปี 2566 เป็นอย่างน้อย
จากการวัดด้วย GDPNow ของธนาคารกลางสหรัฐแอตแลนต้า ซึ่งติดตามข้อมูลเศรษฐกิจตามเวลาจริงและมีการปรับแก้อย่างต่อเนื่อง พบว่า จีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐฯ จะหดตัวประมาณ 2.1% หลังจากที่หดตัว 1.6% ในช่วงไตรมาส 1 ซึ่งจะเข้านิยามการถดถอยทางเทคนิค
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในช่วงไตรมาสสองคือ การขึ้นดอกเบี้ย โดยเฟดได้ขึ้นดอกเบี้ยมาตรฐานประมาณ 1.5% นับตั้งแต่เดือน มีนาคม เพื่อพยายามคุมเงินเฟ้อ และน่าจะขึ้นเพิ่มอีกในช่วงที่เหลือของปีนี้ และอาจขึ้นไปจนถึงปีหน้า
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐได้มีมุมมองในเชิงบวกว่า จะสามารถคุมเงินเฟ้อได้โดยไม่ส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย อย่างไรก็ดี เจอโรม พาวเวลล์ ได้กล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การทำให้เงินเฟ้อลดลงเป็นงานที่ยากลำบากในขณะนี้
อย่างไรก็ดี สำนักวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ชี้ขาดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับภาวะถดถอยและการขยายตัว ตั้งข้อสังเกตว่า การเติบโตของสหรัฐฯ ติดลบสองไตรมาสติดต่อกัน ไม่จำเป็นต้องประกาศว่าเกิดภาวะถดถอย และ นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่เคยมีที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวหลายไตรมาสติดต่อกัน และไม่ได้เกิดภาวะถดถอย
Source: ข่าวหุ้น
เพิ่มเติม
- Many Major Economies to Hit Recession in Next Year, Nomura Says :
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านารเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you