https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fwww.bangkokbiznews.com%2Fnews%2Fdetail%2F908545%3Ffbclid%3DIwAR2oH1loLOe9V0reb4V0BClUq92_s6qQOlw8VdPTLmJOsxN-DAaVrs9Tf7c&h=AT2bhpO-ITZ4BiPode2iwGFseTgZL8lSs_xjcSrpJjoVuaFqCN4fnxUBtaaRcU5QwXWb5ZFAUtiwHVgVZ5FhrSYz3djt8tH7A2-My9dCr495UALqsBQ-Wdi_v_kXNsymqC9iNSAsjjg-s8gjwYsW&__tn__=-UK-R&c[0]=AT0TORiQlgDMETcr6HBXGycKsgIcvkFRwnt5MNxkEUG8Z8yYPWB91i9l3vmDrzTDLxJpFZE3YxhRHZGlGvI0FRkUXYAalkZ0B-7teG2HGTuHchdV5f58ep35Dw7SgBTPOm8MQ2vLru02E9vvCE09zahnvFCX7CnugQsgdK-7I5BIfDs

กนง.คงดอกเบี้ย 0.5% ชี้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวแต่ยังเปราะบางกังวลบาทแข็งเร็ว เตรียมออกมาตรการดูแลพรุ่งนี้ ขณะที่“นักค้าเงิน-ผู้นำเข้า”ปรับพอร์ตล่วงหน้า ดักมาตรการแบงก์ชาติ กดค่าเงินบาทอ่อนค่าทันทีแตะ 30.29 บาทต่อดอลลาร์

นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมกนง.มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5%ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และเน้นมาตรการช่วยเหลือที่ตรงจุดมากขึ้น
ทั้งนี้ที่ประชุมกนง. กังวลต่อสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเร็ว จากนักลงทุนต่างชาติที่กลับมาลงทุนในสินทรัพย์ของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่เพิ่มขึ้น ภายหลังผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-1 9ซึ่งคณะกรรมการฯกังวลว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็ว อาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง
อย่างไรก็ตามจึงเห็นควรให้ติดตามตลาดอัตราแลกเปลี่ยนและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด รวมทั้งพิจารณาความจำเป็นของการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม ทั้งนี้ในวันที่ 20พ.ย.นี้ ธปท.จะชี้แจงเกี่ยวกับมาตรการดูแลตลาดเงินระยะต่อไป
“คณะกรรมการหารือเรื่องค่าเงินบาทกันเยอะมาก มีความกังวล และมีการบ้านให้ทีมงานไปทำ มีทั้งประเด็นการดูแลระยะสั้น และ เข้าหาแนวทางดูแลระยะยาวในหลายเรื่องและหลายมิติ แต่ระยะสั้นอย่างไรก็ต้องดูแล ในด้านเครื่องมือมีอยู่แล้ว แต่ต้องใช้อย่างเหมาะสมและตรงจุด ที่ผ่านมาแบงก์ชาติก็ได้เข้าดูแล ดูได้จากระดับเงินทุนสำรองที่ขึ้นมาตลอด”
เงินทุนสำรองระหว่างประทศล่าสุดที่ธปท.ประกาศล่าสุดเป็นของวันศุกร์ที่ 6 พ.ย.2563 มีจำนวน 2.518 แสนล้านดอลลาร์ จาก 2.485 แสนล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2563 ส่วนฐานะซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิ อยู่ที่ 2.59 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 2.49 หมื่นล้านดอลลาร์
ชี้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า-เปราะบาง
นายทิตนันทิ์ กล่าวด้วยว่า แม้เศรษฐกิจไทยปรับดีขึ้นกว่าคาด แต่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้าและยังต้องการแรงสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังเปราะบางและมีความไม่แน่นอนสูง คณะกรรมการจึงให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ และรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัด เพื่อใช้ในจังหวะที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
“การประเมินด้านเศรษฐกิจครั้งนี้ฟื้นตัวกว่าเมื่อการประเมินครั้งก่อน อย่างไรก็ตามภาวะเศรษฐกิจข้างหน้า ยังฟื้นตัวเปราะบางและเสี่ยงทั้งภายในและภายนอก ฉะนั้นการที่เปราะบางไม่แน่นอนสูงถ้ากระทบแรง เราก็จะยังเก็บนโยบายอัตราดอกเบี้ยไว้ใช้ในเวลาที่เหมาะสม”
แรงงานเสี่ยงกดดันบริโภค
นายทิตนันทิ์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปรับดีขึ้นกว่าที่คาด แต่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าและแตกต่างกันมากระหว่างภาคเศรษฐกิจต่างๆ โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีก่อนที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมจะกลับสู่ก่อนการระบาด ส่งผลให้ตลาดแรงงานยังคงเปราะบาง โดยเฉพาะรายได้ของแรงงานที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะกดดันการบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อย เมื่อปัจจัยสนับสนุนชั่วคราวเริ่มหมดลง
ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐยังมีแนวโน้มต่ำกว่าที่ประเมินไว้ ด้านระบบการเงินมีเสถียรภาพแม้ว่าจะมีความเปราะบางขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจและความเสี่ยงต่อฐานะทางการเงินของภาคธุรกิจและครัวเรือน
สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไป มีแนวโน้มติดลบน้อยลงจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น และจะอยู่ใกล้เคียงกับขอบล่างของกรอบเป้าหมายที่ 1-3% ในปี2564 ด้านการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย ส่วนสภาพคล่องในระบบยังอยู่ในระดับสูงและต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตามธุรกิจและครัวเรือนบางส่วนที่ต้องการสภาพคล่องยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี
คณะกรรมการเห็นว่า การประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานภาครัฐมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดยนโยบายการเงินต้องผ่อนคลายต่อเนื่อง มาตรการทางการเงินและสินเชื่อควรเร่งกระจายสภาพคล่องไปสู่ผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ตรงจุดและทันการณ์
รวมทั้งผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้เกิดผลในวงกว้าง สำหรับมาตรการการคลังยังมีบทบาทสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง จึงควรเร่งเบิกจ่ายและให้ความช่วยเหลือกลุ่มที่เปราะบางอย่างตรงจุด ควบคู่กับการเร่งดำเนินนโยบายด้านอุปทาน เพื่อปรับรูปแบบธุรกิจและยกระดับทักษะแรงงาน ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ด้านเงินทุนเคลื่อนย้าย จะเห็นว่า ช่วงแรกของปี โดยเฉพาะก่อนโควิด-19 การลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ติดลบ แต่หลังจากผลเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาและข่าวพัฒนาวัคซีน ได้ทำให้ตลาดเงินโลกเปลี่ยนโดยมีความมั่นใจนักลงทุนได้หันไปลงทุนในประเทศที่กำลังพัฒนาและประเทศเกิดใหม่รวมถึงไทย ดังนั้นต้องติดตาม ซึ่งการดูแลค่าเงินก็ต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ ส่วนตลาดแรงงานยังเปราะบางกดดันการบริโภคเอกชนและการชำระหนี้ครัวเรือน
บาทอ่อนหวั่นธปท.ดูแล
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า เงินบาทปิดตลาดวานนี้ (18 พ.ย.) ปรับตัวอ่อนค่าแตะระดับ 30.29 บาทต่อดอลลาร์ จากระดับ 30.20 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนการประชุมกนง. และช่วงเปิดตลาดที่ระดับ 30.22 บาทต่อดอลลาร์
การอ่อนค่าของเงินบาท มีปัจจัยมาจาก ประเด็นที่ธปท.ระบุว่าจะมีการประชุมเกี่ยวกับมาตรการลดการแข็งค่าของเงินบาทในวันศุกร์นี้ ทำให้บรรดาผู้เล่นทั้งในฝั่งผู้นำเข้า นักค้าค่าเงินต่างเริ่มมีการปรับฐานะการถือครองเงินบาท โดยฝั่งที่มองว่า บาทแข็ง ก็เริ่มขายทำกำไรและลดการถือครองเงินบาท ส่วนผู้นำเข้าบางส่วนก็เริ่มกังวลว่า เงินบาทอาจจะอ่อนค่าไปมากหากธปท.ประกาศมาตรการ จึงเริ่มเข้ามาซื้อเงินดอลลาร์ไว้ก่อน
อย่างไรก็ตามคาดว่า มาตรการที่ธปท.จะทำอาจจะเป็นลักษณะควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินบาทจากธุรกรรมของธุรกิจค้าทองคำ ขณะเดียวกันก็อาจมีการผ่อนคลายข้อกำหนดบางประการ เพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถออกไปลงทุนต่างประเทศได้ง่ายมากขึ้น ลดการแข็งค่าของเงินบาท
“คงจะมีผลต่อค่าเงินเพียงในระยะสั้น เพราะสุดท้ายแล้วนักลงทุนต่างชาติเริ่มปรับมุมมองดีขึ้นต่อการลงทุนในสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้นไทยจากความหวังวัคซีนโควิด-19 ทำให้เงินบาทยังมีโอกาสแข็งค่าขึ้น จากเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้า และแนวโน้มเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดทุนโดยรวม”
อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือปัญหาการเมืองในประเทศ ที่อาจจะทำให้ นักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุนไปก่อน หรือ ขายทำกำไรการลงทุนบางส่วน ซึ่งอาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ มองกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ไว้ที่ 30.15-30.40 บาทต่อดอลลาร์
ต่างชาติซื้อหุ้นอีก 4 พันล้าน
ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดตลาดวานนี้ที่ 1,364.59 จุด เพิ่มขึ้น 14.78 จุด หรือ 1.09% มูลค่าการซื้อขาย 66,934 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,155 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขาย 2,927 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้อีก 3,005 ล้านบาท
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ประเด็นหลักที่ปัจจัยหนุนกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่องในตลาดหุ้นวานนี้ นอกจากตลาดรับข่าวดีความคืบหน้าพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันตลาดหุ้นไทยยังต่ำกว่ามูลค่าราว 12% ขณะที่ตลาด MSCI Emerging กลับมาเป็นบวก ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง นอกจากนี้ยังเกิดการสลับเปลี่ยนจากหุ้นเติบโต มาเป็นหุ้นคุณค่าในลำดับต้นๆของพอร์ต
ศบศ.อัดแพคเกจดึงนักลงทุน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบศ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเห็นชอบมาตรการ “Elite Flexible Program : Flex Plus” ที่ปรับสิทธิประโยชน์รับนักลงทุนต่างชาติกำลังซื้อสูง โดยให้สิทธิสมาชิกบัตรไทยแลนด์อีลิทการ์ดประเภทบัตรที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป
สำหรับเงื่อนไขเพิ่มเติม คือ บัตรต้องมีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 5 ปีขึ้นไป โดยเข้ามาลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์ 3 ประเภท ที่มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 1 ล้านดอลลาร์ ภายใน 1 ปี ได้แก่ 1.การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ตามสิทธิที่ต่างชาติได้รับ 2.การลงทุนในบริษัทจำกัด หรือ บริษัทจำกัดมหาชน 3.การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ผ่านการถือครองหุ้นสามัญ หุ้นกู้ หรือหน่วยลงทุน
มาตรการนี้จะมีเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจไทยเพิ่มสูงสุด 3.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายบัตรอีลิทการ์ดเพิ่มเติม 1 พันล้านบาท และการนำเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มเติมอีก 3 หมื่นล้านบาท จากผู้ถือบัตรรายใหม่ 1,000 คน
สั่งคลังเร่งคนละครึ่งเฟส3
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)กล่าวว่า ศบศ.รับทราบความคืบหน้าของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาก่อนหน้านี้และให้กระทรวงการคลังทำรายละเอียดโครง การคนละครึ่งระยะที่ 3 มาเสนอ ศบศ.วันที่ 2 ธ.ค.นี้ นอกจากนี้เห็นชอบข้อเสนอโครงการรบริหารเศรษฐกิจระยะปานกลางและระยะยาวชุดที่ 2 ของคณะอนุกรรมการวิเคราะห์และเสนอแนะมาตรการบริหารเศรษฐกิจ และส่งเสริมการลงทุนในระยะปานกลางและระยะยาว
โครงการที่ควรได้รับการส่งเสริมแบ่งเป็น 5 กลุ่มและให้ทำรายละเอียดเพิ่มเติมคือ
1.การขับเคลื่อนเศรษฐกิจอุตสาหกรรมยานพาหนะไฟฟ้าเช่นโครงการรถแลกแจกแถม (รถเก่าแลกรถใหม่ 100,000 คัน) โครงการจักรยานยนต์ไฟฟ้าไทยชนะโครงการจัดหารถโดยสารเพื่อประชาชนของ ขสมก. โดยเช่ารถโดยสารปรับอากาศไฟฟ้า
2.การส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์
3.การส่งเสริมการจ้างงาน เช่น การเสริมสร้างการจ้างงานในภูมิลำเนา โครงการบริบาลชุมชนระดับหมู่บ้านการส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตประชารัฐ
4.การจัดตั้งสถานที่กักกันแรงงานต่างด้าวใน 11 จังหวัด และ
5.การบริหารจัดการภาครัฐด้านการเงินและการค้าระหว่างประเทศ เช่นการจัดทำข้อมูลด้านทรัพยากรการเงินของประเทศ และการรักษาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

คลิก

----------------------------------------------------
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"