"สงครามโลก​ครั้ง​ที่​2, คนอังกฤษขาดแคลนอาหาร​เสื้อผ้าอย่างหนัก ชีวิตลำบาก"

... ตอนนี้เรากำลังเห็น​ "การแย่งชิงทรัพยากร​ทั้งอาหารและยา" ​ระหว่างประเทศอย่างช้าๆแล้ว​ และเมื่อวิกฤติขยายวงกว้างและลึกขึ้น​ อาจจะซ้ำรอยเหมือนในอดีต... ก่อน​ "สงครามโลกครั้งที่2" จะเริ่ม, อังกฤษต้องนำเข้าอาหารจากต่างประเทศประมาณ​55​ล้านตันต่อปี,

เยอรมันนี​ต้องการสกัดเส้นทางขนส่งเสบียงนี้ให้ได้ทุกวิถีทาง,

... วิธีการหลักก็คือ​ การใช้เรือรบและเรือดำน้ำเยอรมันยิง​ทำลายเรือขนส่งสินค้าของอังกฤษ​ ทำให้อังกฤษขาดเสบียงทั้งกระทบต่อภาคพลเรือนด้วย, เมื่อเจอวิกฤติอาหารนำเข้าได้น้อยลง​ อังกฤษต้องแก้ปัญหาโดยใช้วิธี​ "การ​จัดสรรปันส่วนอาหารสินค้า" ตามจำเป็น

... เช่น​ แต่ละครอบครัวต้องมาลงทะเบียนต่อร้านขายของ แล้วเจ้าของร้านจะมีการกำหนดว่าแต่ละครอบครัวจะได้ส่วนแบ่งในการซื้อสินค้าอาหารเท่าไหร่

... ในเดือนมกราคม 1940 เบคอน​ เนยและน้ำตาลได้เริ่มระบบ​ "การปันส่วน" ตามมาคือเนื้อสัตว์​ ปลา​ ชา​ แยม​ บิสกิต​ ซีเรียล​ อาหารเช้า​ ชีส​ ไข่​ นมและผลไม้กระป๋อง "การปันส่วน" ได้รับความนิยมจากประชาชนและ Gallup โพลล์ แสดงให้เห็นว่าประชาชนมากกว่าร้อยละ 60 สนับสนุนระบบนี้

... อย่างไรก็ตามเจ้าของร้านค้าขนาดเล็กจำนวนมากบ่นเกี่ยวกับกลยุทธ์ที่ผู้ตรวจการอาหารใช้ในการจ้างคนตรวจสอบ, ทำให้เกิดการกระตุ้นให้มีการฝ่าฝืนกฎหมาย ในเดือนธันวาคมปี 1940 Isabella Tompsett ถูกจ้างในย่าน Stepney เพื่อไปที่ร้านขายเนื้อและพยายามซื้อเนื้อโดยไม่ต้องมีคูปอง ผลที่ตามมาคนขายเนื้อสามคนในถนนสายหนึ่งถูกปรับหนักสำหรับความผิดนี้ เจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านนี้อย่างลับๆ​เหล่านี้​ ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าทำหน้าที่ไม่ดี​ เป็นการก่อกวนมากกว่าการควบคุม

... เช่น​ "ผู้ตรวจการอาหาร" ในเฮนดอนถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการใช้ทีมงานผู้หญิงที่พยายามหลอกให้ผู้ช่วยเจ้าของร้าน​ เพื่อจะซื้อสินค้าโดยไม่ใช้คูปอง , เช่นลูกค้าที่มอบหนังสือปันส่วนและขอซื้อชาสองออนซ์ เมื่อผู้ช่วยร้านค้าเกือบจะให้บริการเธอเสร็จลูกค้าที่เป็นสายสืบก็เปลี่ยนใจและขอเพิ่มเป็นสี่ออนซ์ หากผู้ช่วยร้านค้าลืมที่จะออกคูปองสองออนซ์ชุดที่สองที่เพิ่มมาพวกเขาจะถูกดำเนินคดีเรียกเก็บเงินเป็นค่าปรับกับการฝ่าฝืนข้อจำกัด "การปันส่วน" ในช่วงเวลาสั้น ๆ ร้าน​59 แห่ง​ เจ้าของร้านแถวเฮ็นตันถูกดำเนินคดีในข้อหาความผิดนี้

... มีการประกาศว่าในเดือนมีนาคม 1941, ภายใต้กฏหมาย​ "คำสั่งควบคุมอาหารระบบการปันส่วน" มีการฟ้องร้องมากถึง 2,141 คดีและมีการลงโทษ 1,994 คดี, มีอัตราความสำเร็จ 93.1% ในเดือนต่อไปมีการฟ้องร้องเพิ่มขึ้นเป็น 2,300 คดีและการลงโทษอีก​ 2,199 ครั้ง (ร้อยละ 95.6) เลขาธิการสมัชชาสมาคมแห่งชาติผู้ค้าขายบ่นว่าพ่อค้ารายย่อยกลายเป็น "ชนชั้นที่ถูกรังแกมากที่สุดในประเทศอังกฤษ"

... ในฤดูร้อนของปี 1940, รัฐบาลจัดตั้ง​ "คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ" เพื่อให้คำแนะนำแก่คณะรัฐมนตรีในเรื่องนโยบายอาหาร คณะกรรมการออกรายงานโดยอ้างว่าพลเมืองแต่ละคนสามารถอยู่รอดได้ในสิบสองออนซ์ของขนมปังปอนด์, หนึ่งออนซ์ของมันฝรั่ง, สองออนซ์ของข้าวโอ๊ตบด, หนึ่งออนซ์ของไขมัน, หกออนซ์ของผัก, นมหกจากสิบส่วนของไพนท์ต่อวัน, " วินสตันเชอร์ชิลล์" เป็นกังวลกับข้อเสนอนี้และคำแนะนำนี้ไม่ได้รับการเผยแพร่และบังคับใช้

... บางคนคิดว่า​ "การปันส่วน" อาหารไม่เป็นธรรมในการบังคับใช้ คนสามารถรับไข่เนยและเนื้อสัตว์ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องมีคูปองในพื้นที่ชนบท, ในฤดูร้อนของปี​ 1941, ผู้ขายพืชผักผลไม้สดได้นำรถบรรทุกเข้าไปในชนบทเพื่อซื้อผักโดยตรงจากเกษตรกร

... ในเดือนสิงหาคม​1940,​ รัฐบาลได้ออกกฎหมาย​ "การกินเหลือเศษอาหารเป็นความผิด" ที่ต้องโทษจำคุก หนึ่งในคนแรกที่ถูกดำเนินคดีคือ J. Lyons Ltd ซึ่งถูกปรับ​ ที่ปล่อยให้หนูกินอาหารในห้องครัว

... มันก็เป็นความผิดเช่นกันที่ร้านอาหาร​ "ให้บริการปลาและเนื้อสัตว์กับลูกค้าที่มาคนเดียว" เมื่อโอเดียนเธียเตอร์ในสตรีทแฮมถูกตัดสินว่ามีความผิดในเรื่องนี้ผู้จัดการและพนักงานเสิร์ฟสองคนของเธอถูกปรับเพราะ "ช่วยเหลือและสนับสนุนในการเสิร์ฟอาหารเนื้อสัตว์และปลาให้กับเจ้าหน้าที่บังคับใช้ผู้ช่วย" ( สายลับสุ่มตรวจ)​ ที่มาทานคนเดียว

... รัฐบาลประกาศในเดือนกันยายน 1939, "น้ำมันถูกปันส่วน" ด้วยเช่นกัน, ในช่วงฤดูร้อนปี 1942 กฏหมายนี้ก็ถูกยกเลิกหลังจากกองทัพญี่ปุ่นยึดครองแหลมมลายูและความสำเร็จของการโจมตีเรือดำน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติก

... สินค้าอื่น ๆ เช่น​" บุหรี่และแอลกอฮอล์" ไม่เคยเข้ากฏหมายการปันส่วนอย่างเป็นทางการ แต่มักขาดตลาด เพราะเจ้าของร้านบางคนเก็บส่วนที่มีจำกัด ไว้สำหรับลูกค้าประจำ สิ่งนี้สร้างความรู้สึกไม่ดีสำหรับคนอื่นอย่างมากและเจ้าของร้านจะต้องถูกรายงานต่อกระทรวงอาหาร

... "เด็กได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากผู้ใหญ่" และมีสิทธิได้รับอาหารพิเศษที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต​ เช่นนมและน้ำส้ม โครงการนมแห่งชาติจัดหานมหนึ่งไพน์สำหรับเด็กทุกคนที่มีอายุต่ำกว่าห้าปี สตรีมีครรภ์และเด็กเล็กมีสิทธิ์ได้รับนมฟรีหากรายได้รวมของผู้ปกครองน้อยกว่า 40 ชิลลิงต่อสัปดาห์

...ช่วงสงคราม, "เสื้อผ้า" ได้รับการปันส่วนด้วยเช่นกัน, ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 1941 ระบบการให้คะแนนอนุญาตให้คน​ "ซื้อเครื่องแต่งกายใหม่ได้แค่หนึ่งชุดต่อปี" เพื่อประหยัดผ้า, "กางเกงของผู้ชาย" ห้ามพับปลายขาขึ้นมาเย็บเพื่อประหยัดผ้า, ขณะที่​ "กระโปรงของผู้หญิง" นั้นต้องสั้นและตรง, "จีบ" ในชุดชั้นในสตรีถูกห้ามผลิต

... นิตยสารผู้หญิงอัดแน่นไปด้วยคำแนะนำที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับวิธีการ​ เช่นผ้าม่านเก่าอาจถูกนำมาตัดขึ้นเพื่อทำชุด , "ถุงน่อง" ขาดตลาด​ ดังนั้นเด็กผู้หญิงจึงระบายสีขาด้วยน้ำเกรวี่ บางครั้งเพื่อนก็ช่วยวาดด้วยปากกาเขียนคิ้วที่ด้านหลังของพวกเขาเพื่อให้ดูเหมือนตะเข็บถุงน่อง

... ในเดือนพฤษภาคมปี 1943 ค่าใช้จ่ายคูปองเสื้อผ้าประจำปีถูกตัดจาก 48 เป็น 36 ต่อผู้ใหญ่ หนึ่งคน, ต่อมาจำนวนคูปองนี้ลดลงเหลือ 20 เมื่อมีการพิจารณาว่าเสื้อโค้ทต้องการคูปอง 18 ใบการลดนี้ทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงสำหรับผู้คน

... "ระหว่างวิกฤติ​หรือสงครามใหญ่" ... ถ้าวิกฤติโดมิโนลามไปเป็นวิกฤติการเงิน เศรษฐกิจ เราต้องกู้เงินต่างชาติ ทั้งหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนพุ่ง วันนั้นเงินเก็บร่อยหรอ เราต้องประหยัดเพื่อลดหนี้ครัวเรือนด้วย และเรื่องแบบนี้น่าจะเกิดขึ้นอีกครั้ง การใช้ชีวิต​ การใช้ทรัพยากร​ ในชีวิตประจำวันจะไม่เหมือนยามปรกติ​ คนปรับตัวได้ก่อนจะอยู่รอด​ รัฐบาลต้องมองไกลและวางแผนไว้แต่เนิ่นๆ​ มิฉะนั้น​ ...​

คลิก

Cr.Jeerachart Jongsomchai

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"