“ธนาคารกลางทั่วโลกสนุกสนาน เร่งซื้อทองคำสะสมมากขึ้น”

... ในบรรดาผู้ซื้อ “ทองคำ” ในตลาดโลกนั้น “ธนาคารกลาง” ของแต่ละชาติทั่วโลก คือกลุ่มองค์กรที่ซื้อทองคำรายใหญ่ของโลก และในปีที่ 2019 ที่ผ่านมานั้นก็เป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานเพลิดเพลินกับการซื้อทองคำสะสมไว้มากกว่าเดิมอีก

... ซึ่งยิ่งเป็น “การเตือน” อเมริกา ว่าเวลาแห่งการปกครองโลกการเงินด้วย “เงินดอลล่าร์ของอเมริกา” นั้นลดลงเรื่อยๆ

... โดย ไตรมาสแรกของปี 2019 นั้นมีการซื้อสะสมทองคำไปแล้วกว่า 145.5 ตัน ที่มากที่สุดในรอบ 6 ปี ของช่วงเวลาเดียวกัน และเพิ่มเป็นร้อยละ 68 ของปี 2018 ที่ผ่านมา

... และในปี 2018 ที่ผ่านมานั้น มีการซื้อทองคำเพิ่มถึง 651.5 ตัน มากกว่าปี 2017 ที่ซื้อเพียง 375 ตัน ที่เป็นการซื้อมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1967 เป็นต้นมา โดยเฉพาะจากประเทศที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับ “อเมริกา”

... เป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างกับ “เผด็จการทางเงินโลก” เจ้าเดิมอย่าง “อเมริกา”

... ในปี 2018 นั้น “รัสเซีย” ซื้อทองคำมาสะสม 274.3 ตัน มากที่สุดในบรรดาธนาคารกลางของทั่วโลก และเทขายทิ้งพันธบัตรจากอเมริกาไปร้อยละ 84 ลดการพึ่งพาเงินดอลล่าร์ในเวทีการค้าโลกให้น้อยลง มุ่งไปสู่เส้นทางสะสมทองคำแบบสุดตัวไม่มีกั๊ก

… นอกจากนั้นยังมีประเทศเล็กๆทั่วไปอีกหลายชาติ เช่น คาซัคสถาน เอกวาดอร์ กาต้าร์ เซอร์เบีย โคลอมเบีย ฟิลิปปินส์ ซึ่งสาเหตุหลักนั้นก็เพราะว่า ประเทศทั่วโลกมีความเชื่อใจในเงินดอลล่าร์ของอเมริกาน้อยลงเรื่อยๆ รวมทั้งการที่อเมริกาใช้การเงิน ( และการทหารเช่นกัน ) ในการเป็นเครื่องมือแทรกแซงบ่อนทำลายทั่วโลก ( เช่นในกรณีเวเนซุเอล่า อิหร่าน )

… แม้แต่ “ปู่มหาเดร์ของมาเลเซีย” ยังได้ออกมาบอกว่า เอเชียตะวันออกควรจะมีสกุลเงินใหม่ร่วมกัน ที่การพิมพ์เงินต้องค้ำด้วยทองคำ เพื่อปกป้องเศรษฐกิจของดินแดนย่านนี้ จากการผูกขาดทางการเงินในการค้าระหว่างประเทศ

... “คุณ [ อเมริกา ] ไม่ใช่ประชาธิปไตย เรื่องการเงินโลกนั้น ไม่ได้มีไว้สำหรับประเทศใดประเทศเดียวมาตัดสินใจ หากคุณต้องการที่จะอยู่ในโลกที่เป็นเอกภาพ โลกที่มั่นคง เราต้องหันไปใช้ความยั่งยืนผ่านข้อตกลงระหว่างทุกประเทศที่มีส่วนร่วมในปัญหานั้น”

... แต่แม้หลายประเทศจะพยายามลดบทบาทของเงินดอลล่าร์ในประเทศตัวเองลงไป แต่ตราบใดที่ทั่วโลกยังใช้เงินดอลล่าร์ในการซื้อขายน้ำมัน โดยเฉพาะกลุ่มโอเปกที่มีข้อตกลงกับอเมริกา จึงทำให้หลายประเทศทั่วโลกจึงต้องเก็บเงินดอลล่าร์ไว้ในกองทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศต่อไป

... ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ความต้องการ “น้ำมัน” ของประเทศทั่วโลกก็คือ ยังไม่มีการใช้พลังงานทดแทนที่จะมาแทนน้ำมัน, แต่ในปี 2030 เมื่อรถยนตร์ไฟฟ้าแพร่หลายและคาดว่าจะได้ส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ40 ที่จะทำให้การบริโภคน้ำมันจะลดลง และทำให้ความต้องการเงินดอลล่าร์ลดลงตามด้วย ( ด้วยเหตุนี้ “จีน” จึงพยายามพัฒนาพลังงานสะอาดอย่างเร่งด่วน )

... นอกจากนั้น ยังมี “สงคราม” ยิ่งมีข่าวการทำสงครามระหว่างกันของทั่วโลกมากขึ้นเท่าไหร่ “น้ำมัน” ก็จะยิ่งเป็นที่ต้องการของโลกต่อไป และน้ำมันนี่เองที่เป็นเหมือนแม่หรือพี่เลี้ยงคอยอุ้มเงินดอลล่าร์ไว้บนตักมาตลอด

… Central banks are among the largest purchasers of gold. So far in 2019, they have bought tons of gold, which is more in a quarter of a year than central banks have purchased in the preceding six years. To put it bluntly, this figure represents a 68 percent increase from the year before. Last year, central banks increased their reserves by 651.5 tonnes compared to 375 tonnes in 2017. Reportedly, this is the largest net purchase of gold since 1967.

… As always, Russia is the largest buyer of gold. In 2018, Russia’s Central Bank purchased 274.3 tons of gold. It also dumped 84 percent of its US treasury debts (we will come back to why this is important later.)

คลิก

Cr.Jeerachart Jongsomchai

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"