“จอร์จ โซรอส : หลังเลือดไทยแห้ง ครั้งนี้ต้องฆ่าให้ตาย ... หนุนอนาคตไหม เอาแม้วคืนอำนาจ ”

... “ความพยายามในการเปลี่ยนแปลงระบอบให้เป็นแบบตะวันตกต้องการ” ได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นก่อนการเลือกตั้งในประเทศไทย กลุ่มฝ่ายค้านที่พยายามแย่งชิงอำนาจและกำจัดเอา “ทหาร” ที่มีอำนาจอิสระเหนือการเมือง ออกจากการเมืองไทย

... โดยฝ่ายค้านเหล่านั้นได้รับ “เงินทุนสนับสนุนและการสนับสนุนทางการเมือง” อย่างกว้างขวางจาก “อเมริกา อังกฤษ อียู” ขององค์กรทางตะวันตก เช่น มูลนิธิ Open Society Foundation ( OSF) ที่มี “จอร์จ โซรอส เป็นประธานใหญ่

... OSF มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ นิวยอร์ค “อเมริกา” มีสาขาทั่วโลกใน 37 ประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศที่ยังไม่พัฒนาหรืออ่านไม่ทันเกมตะวันตก นักล่าเมืองขึ้น , ตั้งแต่ปี 1993 องค์กรนี้ ให้เงินอุดหนุนการเคลื่อนไหวในประเทศจุกจ้อย เพื่อให้เป็นประเทศเสรีแบบที่เขาต้องการและชักใยได้ ผ่านองค์กร เอ็นจีโอ หรือองค์กรพัฒนาเอกชนไปแล้ว 11,000 ล้านดอลล่าร์ ( ที่อีกมุมหนึ่งมันคือ การแทรกแซงการเมือง กิจการภายในของประเทศต่างๆทั่วโลก รวมทั้งอาจารย์ นักศึกษา นักการเมือง สื่อมวลชน ต่างๆ )

... ในปี 2018 OSF ได้ย้ายสำนักงานสาขายุโรปจากกรุงบูดาเปสต์ เมืองหลวงของ “ฮังการี” บ้านเกิดของโซรอสเอง, เพราะเขาเป็นคนฮังการีเชื้อสายยิว ที่ตอนหลังย้ายไปอยู่ที่ อเมริกา, ที่ตอนหลังย้ายสำนักงานไปอยู่เบอร์ลินของเยอรมัน เพราะว่าฮังการีบ้านเกิดเขาไม่ยอมรับโซรอส ถือว่าเป็นองค์กรนี้ เป็นอันตราย ต้องขับออกนอกประเทศ ที่แอบเนียนแทรกแซงทางการเมืองของประเทศเขา

... เมื่อไม่นาน เดือนมกราคม ปี 2019 นี้เอง องค์กรนี้ ได้ประกาศว่า “ลุงสีจิ้นผิง” ของ “จีน” “เป็นศัตรูที่อันตรายที่สุดของโลกเสรี” ตามความหมายขององค์กร “จีน ไม่ใช่แค่ประเทศเผด็จการธรรมดา แต่ยังร่ำรวยที่สุด แข็งแรงที่สุด และมีเทคโนโลยี ที่ทันสมัยมากที่สุดในโลกด้วย ที่สร้างความเสี่ยงทางความมั่นคงแบบที่ยอมรับไม่ได้กับส่วนที่เหลือของโลก” ลุงโซรอสโฆษณาชวนเชื่อแบบนั้น

... หนึ่ง ในแนวร่วม ลูกสมุนของ OSF ก็คือ “พวกฮิวแมน ไร้ท์ว๊อทช์” Human Rights Watch (HRW) – ที่เพิ่งเอาใจนายทาส ที่ให้เงินโดยการเผยแพร่รายงาน “ประณามการเลือกตั้งที่เพิ่งผ่านไปในไทย" จะนำมาซึ่งการบั่นทอน​ “สิทธิ์ในการลงคะแนน” ของประชาชนชาวไทย ( เหมือนเขียนบทไว้แล้วว่า หลังเลือกตั้งจะให้เป็นแบบไหน ) HRW “พวกฮิวแมน ไร้ท์วอทช์” พวกนี้ เป็นเหมือนนักเขียนบทและวาทะกรรมสวยๆ ให้นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามโจมตี “ทหาร” สร้างพวกเขาทำให้เป็นตัวร้าย​ , ในอดีตก็สร้างภาพคอมมิวนิสต์ เป็นผีร้าย

... “ทำไมต้องเป็นประเทศไทย ?” ที่เขาต้องแทรกแซง

... ในย่านอาเซี่ยน ไทยเป็นประเทศที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของตะวันตก เป็นศูนย์กลางภูมิศาสตร์การเมือง การค้าเศรษฐกิจ ของย่านนี้ เศรษฐกิจใหญ่อันดับ2 ของอาเซี่ยน แต่หลัง “สงครามเย็น” ไทยก็พยายามเปลี่ยนนโยบายจะสลัดหลุดจากอิทธิพลอำนาจของ “อเมริกา” อย่างช้าๆ โดยแสดงออกในหลายส่วน เช่น พยายามจะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหาร จาก “จีน รัสเซีย และยุโรป” เพื่อคานอำนาจกับการซื้อจากอเมริกาเหมือนในอดีต ( ล่าสุดเดือนที่แล้วท่านทูตดอน ก็ไปเยือนรัสเซีย ถึงมอสโกว์ )

... ประเทศไทยยังเป็นพันธมิตรสำคัญในโครงการ One Belt, One Road (OBOR หรือ BRI ) “ทางสายไหมใหม่” ของจีน “โครงการรถไฟความเร็วสูง”กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างพร้อมข้อเสนอสำหรับการก่อสร้างทางรถไฟสายอื่น ๆ ที่เข้าสู่การเจรจาขั้นสุดท้าย ( โครงการนี้เป็นการหลีกเลี่ยงการป่วนการเดินเรือทางทะเล เช่น ทะเลจีนใต้ ช่องแคบมะละกา มหาสมุทรอินเดีย ที่อเมริกามาเฟียครอบครองมาตลอด ล่าสุดแล่นเรือผ่านช่องแคบไต้หวัน ที่จีนมองว่าเป็นน่านน้ำของจีน เพราะไต้หวันเป็นของจีน ) โดยไทยพยายามจะคานอำนาจกับทั้งสองฝั่งมหาอำนาจ

... “อเมริกา” นั้น ได้ “มีส่วนร่วมในความพยายามเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในระยะยาวในประเทศไทย” เช่น พยายามจะดัน “หุ่นเชิด หรือ นายหน้า” ของเขาขึ้นสู่อำนาจ ในปี 2001 ( หรือ 2544 ปีที่เกิดระเบิดที่สนามบินดอนเมือง สำหรับ คนที่เกิดไม่ทัน ตอนที่หาเสียง แม้วเหลี่ยมบอกว่าจะดันไทยไปคบ “จีน” และสลัดออกจากอิทธิพล “อเมริกา” แต่หลังจากระเบิด แม้วเหลี่ยมก็กลายเป็น ลูกสมุนของเขา และไส้ศึกในประเทศไทย หนักกว่า พรรคสีฟ้าพูดหวานใจดำอีก ) อย่างน้อยที่สุดในปี 2544 หรือ 2001 เมกาก็ร่วมงานกับมหาเศรษฐีและอดีตที่ปรึกษากลุ่มคาร์ไลล์ เช่น อดีตนายกรัฐมนตรีแม้วเหลี่ยม โดยดันแม้วขึ้นสู่อำนาจทางการเมือง

... โดยนโยบายที่ “พรรคเพื่อชิน” ต้องเดินตาม อเมริกา ก็คือ “การปิดล้อมและสกัดจีน” หรือ China containment policy ( ถ้าจำได้ ก่อนการปฏิวัติของลุงเขียว น้าปูแดง เคยจะให้อเมริกามาใช้ฐานทัพอู่ตะเภา ในการอ้างว่าทำกิจกรรมทางภูมิอากาศ ที่แท้จริงแล้วคือการป่วนสอดแนม จีน ตอนใต้ ที่เครื่องบินจะบินจากฐานบินใน ไทย )

... โดย “อเมริกา” ต้องพยายามดัน “นายหน้า” หรือ “หุ่นเชิด” ที่ตัวเองชักใยได้อย่างเชื่อง มาเป็นผู้นำที่สามารถสั่งซ้ายหันขวาหันได้ แบบนายฮวน กว่ายโด่ ของเวเนซุเอล่า ในตอนนี้

... “โซรอส ในเมืองไทย”

... จากบทความของนักวิเคราะห์ภูมิศาสตร์การเมืองนาย Jean Perier’ ที่ชื่อว่า “หลังจากที่เลือดในไทยแห้ง คราวนี้ถึงคราวโซรอสต้องฆ่า”

... โดยในปี 1997 หรือ 2540 นั้น “โซรอส” ก็เป็นหนึ่งในนายทุนการเงินมาทำร้ายระบบการเงินไทย จนเงินทุนสำรองระหว่างประเทศถังแตก เกิดวิกฤติทางการเงิน และลามเป็นวิกฤติเศรษฐกิจในปีนั้นและลุกลามไปทั่วโลก เพื่อไทยจะได้ยืมเงิน “ไอเอ็มเอฟ” มาจ่ายหนี้ โดยต้องแลกกับการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ หนึ่งในนั้นคือ “การขายรัฐวิสาหกิจ” ( ที่ภาษาราชการสวยหรูว่า "แปรรูปรัฐวิสาหกิจ" ขายสมบัติชาติให้พวกเขาแบบถูกๆ ที่ทำเงินเข้าประเทศ ไปให้ต่างชาติมาซื้อในราคาถูก ตามมาด้วยขึ้นราคาน้ำมันแพงๆ จน น้ำมัน ปตท.แพงขึ้นถึงปัจจุบัน ที่ “คนอายุน้อย” เกิดไม่ทันจะรับรู้ )

... รวมทั้ง “แม้วเหลี่ยม” พยายามจะผ่านกฎหมาย “การค้าเสรีระหว่างไทย อเมริกา” ที่ไทยเสียเปรียบโดยไม่ผ่านรัฐสภาที่ประชาชนเป็นคนเลือก ที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ( ตอนที่ โนพาโดล. ปทม. เอาเอกสารไปให้ลุงฮุน เพื่อประกอบรับรองแผนที่ดินแดนให้ กัมพูชา ยื่นขอเขาพระวิหาร กับยูเนสโก้ เป็นมรดกโลกฝ่ายเดียวนั้น “ก็ไม่ผ่านรัฐสภา” ข้ามหัวประชาชนที่อ้างว่าเขารักเทิดทูน จนถึงปัจจุบันนี้ ที่ทำให้ไทยเสียดินแดนทางบกให้กัมพูชาไปมาก ที่จะลากยาวไปถึง น่านน้ำทางทะเลที่เต็มไปด้วยน้ำมันด้วย ตามมาด้วยพี่มากสีฟ้า มามอบดินแดนผ่านศาลโลก ภารกิจปล้นชาติ สมบูรณ์แบบด้วย แดงชง ฟ้าตบหน้าเน็ต )

... โดย “แม้วเหลี่ยม” ถูกออกแบบโดยตะวันตก “สร้างภาพมาให้เป็นวีรบุรุษ” ในการสร้างประเทศหลังวิกฤติการเงิน พร้อมวาทะกรรมมากมายที่ทำให้เขาเป็นดั่งเทพเจ้า และทำให้ไทยเป็นทาสในเรือนเบี้ยของตะวันตกทุกภาคส่วน ทั้งการเงิน การทหาร เช่น ในปี 2003 ไทยต้องยอมส่งทหารไปร่วมรบในอิรักด้วย รวมทั้ง “แม้วเหลี่ยม” ยังได้เชิญ ซีไอเอ มาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการทำ “โครงการ Extraordinary rendition “ ที่เกี่ยวกับการลักพาตัวและการลงโทษอาชญากรที่ผิดระบบกฏหมายนานาชาติ

... “วิกิลีค” ได้เผยแพร่ข้อมูลจากสถานทูตอเมริกา ในไทย ที่บอกให้รู้ว่า “อเมริกา” นั้นรับรู้และรับทราบในขนาดมหาศาลของการโกงกินของ “แม้วเหลี่ยม” เช่นการขายหุ้นของชินวัตรไปให้เทมาเส็กของสิงคโปร์ แบบไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว รัฐบาลเสียรายได้มหาศาลหลายหมื่นล้านบาท โดยวันเดียวที่ขายให้เทมาเส็ก เขาได้แก้ใขกฏหมายที่นักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของทรัพย์สินในไทยได้มากและง่ายขึ้น เพื่อเอาเรื่องกรรมสิทธินี้ มาเป็นเครื่องจูงใจในการซื้อหุ้นของเขา ซึ่งการที่สถานทูตอเมริกาทำเป็นมองไม่เห็นในการคอร์รัปชั่นครั้งมโหฬารครั้งนี้ ก็เพราะว่าพอใจกับกฎหมายที่นักลงทุนต่างชาติ สามารถถือครองทรัพย์สินของไทยได้มากขึ้น โดยเฉพาะด้านการสื่อสารคมนาคม ที่จะเป็นเรื่องจำเป็นในอนาคต ที่ตอนนั้นทั้ง ระบบและตัวโทรศัพท์มือถือ และรวมทั้งเรื่อง “ข้อตกลงการค้าเสรี” ที่อเมริกาได้เปรียบไทยอย่างมาก

... จากช่วงปี 2001-2006 ที่ “แม้วเหลี่ยม” ทำเพื่ออเมริกา ยุโรป เป็น “นายหน้าและหุ่นเชิด” ที่ซื่อสัตย์ ทำให้ ประเทศเหล่านั้นพยายามจะเสาะหาลู่ทางให้เขากลับมาปกครองประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง มีการ ละเลยเรื่องร้ายของเขา ทั้งการซื้อเสียงแบบโจ๋งครึ่มในต่างจังหวัดและการใช้กองกำลังก่อการร้าย “สีเลือด”ในการทำร้ายฝ่ายอื่นๆ อย่าง ชัดเจน และตำรวจมะเขือเทศ ก็เหมือนเป็นใจ ไม่ทำหน้าที่ เพราะเขาเองก็เป็นตำรวจคุมได้ทั้งองค์กร

... ในช่วงที่มี “การขับไล่แม้วเหลี่ยม” ในปี 2549 หรือ 2006 นั้น ทั้งฝ่ายเขาและกองทัพฝ่ายค้านทางการเมืองตรงข้าม ที่ถูกมองว่าเป็น “ฝ่ายถูกต้อง” ที่มีทั้ง “ นักกิจกรรม นักเคลื่อนไหว และนักเรียน สื่อ” ต่างก็ได้รับการสนับสนุนอย่างเปิดเผยจากอเมริกา อังกฤษ และอียู ผ่านการสนับสนุนทางการเมืองโดยตรงและการล็อบบี้ผ่านองค์กรพัฒนาเอกชน NGO ที่ได้รับทุนจากยุโรป- โดยแทบทุกองค์กรได้รับทุนอย่างน้อยบางส่วนจากมูลนิธิ Open Society Foundation OSF ของจอร์จโซรอส หรือ US National Endowment for Democracy (NED) ( อเมริกา เคยเล่นไพ่สองหน้า หนุนทั้งสองฝ่าย มาแล้ว สมัยสงครามเย็น ทั้งพลเอกสฤษดิ์และพลตำรวจเอกเผ่า ) ที่รวมทั้งสำนักข่าวชื่อดังอย่าง​ประชาไท, Prachatai, Isaan Record, และ BenarNews. Thai Lawyers for Human Rights (TLHR) , Human Rights Watch , Thai Netizen Network, iLaw,

... แต่ในปี 2014 ก็มีกระแสประท้วง แม้วเหลี่ยมและหุ่นเชิดทั่วประเทศ ที่มีการก่อการร้ายและนองเลือดไปทั่วประเทศไทย จนนำไปสู่การรัฐประหารในปี 2014 นั้นเอง

... และล่าสุดการเลือกตั้งปี 2019 หรือ 2562 นี้ หนึ่งในพรรคการเมืองที่ “จอร์จ โซรอส” สนับสนุนก็คือ “พรรคอนาคตไหม้่” ที่ชื่ออังกฤษ คือ “Future Forward Party” ที่บทวิเคราะห์บอกว่า เป็นพรรคเครือสาขาของ “แม้วเหลี่ยม” ที่มีผู้ร่วมก่อตั้งพรรคคนหนึ่งเป็นคนที่เคยรับเงินสนับสนุนจาก “อเมริกา” และ “จอร์จ โซรอส” ( ที่ “ทร อดีตเก่า” หลุดปากให้สัมภาษณ์ไม่นานนี้ ว่า “จะพาทักษิณ กลับบ้าน” จนต้องแก้ข่าวกันพัลวัล กลัวจะเสียภาพลักษณ์ คนรุ่นใหม่ )

... There are also entire political parties operating on behalf of Thaksin Shinawatra such as Future Forward which include US and Soros-funded “activists” as “co-founders.”

... แม้แต่ “ทร อดีตเก่า” เองก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า ในอดีตนั้นเขาเคยให้การสนับสนุนพรรคของทักษิณ ชิณวัตรและเข้าร่วมกับ “คนเสื้อแดง” ที่เน้นแสดงออกทางการเมืองด้วยความรุนแรงมาแล้ว

... Future Forward’s founder, nepotist billionaire Thanathorn Jungrungreangkit, admitted to having supported Thaksin Shinawatra’s political party in the past, as well as attending his ultra-violent “red shirt” street mobs.

... ขณะที่ “ปิเยะปุตร” ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ก็เคยเป็นล็อบบี้ยิสท์ ที่แม้วเหลี่ยมจ้างมาจัดงานคนเสื้อแดงที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เคยร่วมงานกับ “โรเบิร์ต อัมเตอร์ดัม” ล็อบบี้ยิสต์ ชื่อดัง, ที่แม้วดึงมาร่วมกับแกนนำในไทยมาป่วนเมือง, อีกคนของแม้วเหลี่ยม ในหลายๆโอกาส , ขณะที่ หนู-นลัทพร ก็เคยทำงานให้ “ประชาไท” ที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก โซรอสและ NED และชำนาญ จันทร์เรือง ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตไหม้อีกคน ก็เป็นอีกคนที่เคยทำงานกับ Amnesty International, Pannika Wanich ก็เคยทำงานกับ วอยซ์ทีวี ที่มีเจ้าของเป็นพานทองแท้ ลูกชายแม้วเหลี่ยม


... และ “พรรคอนาคตไหม้่” นี้ก็มี “พลโท ดร. พงศกร รอดชมพู” เป็นรองหัวหน้าพรรคอยู่ด้วย ที่ท่านเคยได้รับการอุ้มชูให้เป็นใหญ่ สมัยยิ่งลักษณ์ ปูแดง เป็นนายก ( ทหารแตงโม ) ที่ตอนนั้น ปูแดง ต้องการจะเอาทหารมาเป็นพวก เพื่อจะหาประโยชน์จากพวกเขาทหารแตงโมในอนาคต

... “อนาคตไหม้่ คือ ขุนศึกแนวหน้าเอาแม้วเหลี่ยมกลับสู่อำนาจ”

... “พรรคอนาคตไหม้่” เป็นพรรคเดียวที่ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกาและบริวาร ที่จะหาทาง “ดึงแม้วเหลี่ยม” กลับมามีอำนาจอีกครั้ง ( เหมือน นายฮวน กว่ายโด่ ของเวเนซุเอล่า” )

... แต่ปัจจัยภายในและภายนอกของ “พรรคอนาคตไหม้่” แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเมกา ที่อุดหนุนเงินผ่านการบริจาคจาก NED และนักการเงินเอกชนอย่าง โซรอส และมูลนิธิ Open Society ของเขา ไม่เพียงแต่ต้องการจะแทรกแซง​ “การเมืองภายในของประเทศไทย” และ “การเลือกตั้ง” ครั้งนี้เท่านั้น แต่ต้องการ “สร้างโครงสร้างอำนาจและพรรคการเมืองทั้งหมด ให้อยู่ในโอวาทของเขาแบบเบ็ดเสร็จ” แบบจับให้มั่น​คั้นให้ตายคามือ​

... และตอนนี้ Human Rights Watch ก็กำลังจะทำรายงานชื่อว่า Thailand: Structural Flaws Subvert Election.” หรือ “รอยตำหนิทางโครงสร้าง ที่ล้มล้างการเลือกตั้งไทย” โดยในรายงาน HRW ได้ตำหนิ “ทหาร” ว่าเป็นตัวการในการทำลายระบบ “เลือกตั้งธิปไตย” ( ที่ตอนนี้กระแสคนรุ่นใหม่ของตะวันตก เขาเรียกว่า Plutocracy , Oligarchy หรือ ธนาธิปไตย และ คณาธิปไตย ประเทศ “อเมริกา” ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่อย่างใด )

... บทความ สรุปว่า “ไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคอนาคตไหม้่และพรรคนายหน้าไส้ศึกอื่นๆที่พยายามจะหนุนอำนาจ “แม้วเหลี่ยม” คืนสู่อำนาจ จะสำเร็จหรือไม่ แต่ “วิกฤติการเมืองของประเทศไทย” ก็จะดำเนินต่อไป จะเกิดการประท้วงอีกรอบครั้งใหม่ และจะเกิดการต่อต้านพวกประท้วง ม็อบชนม็อบ อีกเหมือนเดิม เพื่อจะสกัดไม่ให้ ประเทศไทย เปลี่ยนเจ้านายตะวันตก ไปคบตะวันออก อย่างจีน รัสเซีย” ( ไทยเราเหมือน เวเนซุเอล่า มีภูมิศาสตร์ที่ดีเหมือนเมืองเกงจิ๋ว ในสามก๊ก ที่ใครได้ไป จะได้ประโยชน์มาก )

... ขอขอบคุณ บทความจากคุณ Tony Cartalucci,

... Bangkok-based geopolitical researcher and writer, especially for the online magazine “New Eastern Outlook”.

คลิก

คลิก

... The OSF has branches in 37 countries,[6] encompassing a group of country and regional foundations, such as the Open Society Initiative for West Africa, and the Open Society Initiative for Southern Africa; its headquarters are in New York City. In 2018, OSF announced it was closing its European office in Budapestand moving to Berlin, in response to legislation passed by the Hungarian Government targeting the foundation's activities.[7] Since its establishment in 1993, OSF has reported expenditures in excess of $11 billion mostly in grants towards NGOs, aligned with the organisation's mission.[8]

In January 2019, Soros called China's Xi Jinping the most dangerous enemy of free societies, saying: "China is not the only authoritarian regime in the world but it is the wealthiest, strongest and technologically most advanced" and "present an unacceptable security risk for the rest of the world".[9][10]

... He also took multiple steps toward transforming Thailand into a US client state – including committing Thai troops to the illegal US invasion of Iraq in 2003, inviting the US CIA to use Thai territory as part of its global “rendition program,” the privatization of Thailand’s national oil and gas conglomerate PTT, and an attempt to pass an unpopular US-Thai free trade agreement without parliamentary approval.

... Considering Shinawatra’s utility as a US proxy and his enthusiastic attempt from 2001-2006 to transform Thailand into a fully integrated US client state – it is obvious why the US and its European and corporate partners seek to return him and his associates to power

... . Future Forward is only one of several proxy parties being promoted by the West as vectors of returning Thaksin Shinawatra – and the interests he represents – back into power.

Cr.Jeerachart Jongsomchai

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"