หลายปีมาแล้วประมาณปี 2004-2006 ..ถ้าชีพจรคุณยังเต้นอยู่ คุณก็สามารถกู้เงินธนาคารเพื่อผ่อนบ้านได้เลย

ที่จริง มาตรฐานการกู้เงินมันหละหลวมมาก เพราะเคยมีบางกรณีที่คนที่ไม่มีชีพจร ก็ยังกู้เงินจากแบ้งค์ได้อยู่เลย ...ใช่แล้ว ธนาคารหลายแห่งขาดความรับผิดชอบถึงขนาดปล่อยกู้ให้กับคนที่ตายแล้วได้ ..หรือให้กับคนที่มีประวัติทางการเงินที่เลวร้ายที่เคยชักดาบมาหลายๆรอบ

แต่มันก็ยังอุตส่าห์มีความบ้าที่มากกว่าเกิดขึ้นจนได้ นั่นคือ Federal Reserve เข้ามาช่วยธนาคารเหล่านี้ไว้ (bailout) โดยการปั๊มพ์เงินนับล้านล้านดอลล่าร์ให้โดยไม่ต้องมีดอกเบี้ย

แบ้งค์เหล่านี้แทนที่จะถูกกวาดทิ้งจากการกระทำบ้าๆของตน กลับรับรู้ว่าพวกตนต้องได้รับการช่วย bailed out ..ไม่ว่าจะทำอะไรโง่ๆ หรือตะกละตะกรามยังไงก็ตาม

นั่นทำให้เราเห็นว่า เรื่องผิดพลาดซ้ำๆเกิดขึ้นมาตลอดเวลา

เช่นนอกจากการให้เงินกู้แก่คนที่ไม่มีตัวตนหรือตายไปแล้ว..แบ้งค์ยังมีการให้สินเชื่อแก่บริษัทที่เลิกกิจการแล้วหรือไม่ก็ขาดทุนต่อเนื่อง หนี้สินพะรุงพะรัง

ตัวอย่างที่เห็นชัดก็คือกรณีของ WeWork และ Netflix ที่ถูกกล่าวขวัญมาถึงโดยตลอด ..แต่ตัวอย่างคล้ายกันนี้ยังมีอีกมากนับไม่ถ้วน

ยังมีมากกว่านี้อีก คือสถาบันการเงินหลายแห่งให้กู้แก่อาร์เจนติน่า ทั้งๆที่ประเทศนี้มีประวัติการชักดาบหนี้มาแล้วถึง แปดครั้ง! ..แต่ก็ยังกล้าที่จะซื้อพันธบัตรที่มีกำหนด 100 ปีของอาร์เจนติน่ามาจนได้

ไม่เป็นไรหรอก! Fed พร้อมจะช่วยอยู่แล้วนี่

ทุนนิยมมันเป็นอย่างนี้เองหรือ

เศรษฐกิจตกต่ำ ..ตลาดแครช ..หรือเศรษฐกิจถดถอย ..ที่จริงมันเป็นกลไกของระบบที่จะจัดการกวาดล้างอะไรที่ไม่ productive หรือธุรกิจที่ไร้ค่า ให้พ้นออกไป เพื่อเปิดทางให้ธุรกิจใหม่ๆเข้ามา ...ไม่ใช่เอื้อกันไปแบบที่กำลังเป็นอยู่นี่

ผู้มีอำนาจหรือฝ่ายการเมืองมักคิดเอาเองว่าพวกของตนไม่น่าจะเป็นฝ่ายสูญเสีย ..พรรคพวกตนทุกคนต้องไม่กลับบ้านมือเปล่า .....ถ้าเราพิมพ์เงินเพิ่มไปเรื่อยๆ และวางมาตรการเซฟตี้ให้ถูกที่ถูกทาง ทุกคนจะ win กันหมด ..แล้วพวกเราก็จะล้อมวงร้องเพลง kumbaya กันไปได้เรื่อยๆ

นักเศรษฐศาสตร์อย่าง Roger E.A. Farmer คิดว่าสิ่งที่ Fed ทำไปหลังจากวิกฤติการเงินเมื่อสิบปีก่อนนี้ เช่นการลดดอกเบี้ยเหลือศูนย์เปอร์เซ็นต์และการพิมพ์เงินนับล้านล้าน ยังไม่พอต่อการ bail out ..เขาคิดว่า Fed ควรเข้าซื้อหุ้นในตลาดให้มากเพื่อดันให้ตลาดหุ้นขึ้นสูงกว่านี้อีก

เขาคิดว่านี่ไม่ใช่เริ่องแปลก ญี่ปุ่นก็ทำอย่างนี้ ..Bank of Japan ผู้กล้าแห่งโลกปัจจุบัน เป็นผู้ถือหุ้นระดับท้อปเทนในเกือบทุกบริษัทที่เทรดกันในตลาดหุ้นญี่ปุ่น

แต่ที่จริงแล้ว มันไม่เวิร์ค ตอนนี้ญี่ปุ่นดูเหมือนจะจมอยู่ในบ่อโคลนเศรษฐกิจที่ไม่สามารถก้าวขึ้นมาได้เลย

แต่ในความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ท่านนี้ ความล้มเหลวนี้เป็นเพราะรัฐบาลญี่ปุ่นไม่เข้าซื้อหุ้นในตลาดไว้อย่างเพียงพอ ...ราวกับว่ารัฐบาลญี่ปุ่นควรเป็นเจ้าของหุ้นทั้ง 100% ของทุกบริษัทอย่างนั้นแหละ

และเขาคิดว่ารัฐบาลสหรัฐก็ควรใช้ยุทธศาสตร์เดียวกันนี้ ..รัฐบาลควรปิดทางไม่ให้นักลงทุนเข้ามาเทรดในตลาด ..รัฐบาลเป็นผู้ผูกขาดเป็น monopoly ไปเลยในตลาดหุ้น

ไอเดียเลิศ

ถ้าเราจะช่วยคิดต่อยอดให้ รัฐบาลก็ควรจะเข้าซื้อบ้านทุกหลังเพื่อช่วยตลาดอสังหาฯ ....ช่วยซื้อกิจการเล็กๆที่กำลังเจ๊งเพื่อที่จะได้ไม่มีคนตกงาน ...

นี่ จีเนียสขนานแท้

พูดกันอย่างซีเรียส...ความคิดนี้ก็เป็นไปเพื่อการกำจัดปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำหรือถดถอยไม่ให้เกิดขึ้นเลย

แต่วิธีมันผิด ....วิกฤติเศรษฐกิจทุกครั้งที่เกิดขึ้น คือการกวาดล้างสิ่งผิดพลาดในตลาดที่เกินมา หรือเป็นการลงโทษผู้ที่ทำเรื่องโง่ๆในตลาด ที่ต้องปล่อยไป

ถ้าเราปล่อยให้ผลจากการกระทำที่ผิดยังคงอยู่ในตลาด ก็เท่ากับเป็นการลบทิ้ง good judgement

และนั่นแหละที่เป็นอันตราย ...ถ้าจะมีใครคิดว่าอยากทำอะไรก็ทำได้ จะมีคนคอยช่วยตลอดเวลาถ้ามันจะพังลงมา

เคยมีมาแล้วที่รัฐบาลเป็นเจ้าของทุกธุรกิจและทรัพย์สินทุกชิ้นในประเทศ

ที่เรียกกันว่า Soviet Union นั่นแหละ ....เลนินภูมิใจมาก

Cr.Sayan Rujiramora

สนับสนุนข่าวโดย ICMarkets
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"