นาย Eric Rosengren, Federal Reserve Bank of Boston President (2019 Voter) เห็นควรให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเข้าใกล้ระดับ “mildly restrictive” โดยได้รับปัจจัยส่งเสริมจากภายการจ้างงานที่ยังคงตึงตัว
และสอดคล้องกับคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าระดับ potential
นอกจากนี้ นาย Rosengren เริ่มเห็นสัญญาณเตือนถึงเสถียรภาพในการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จากทั้งปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเงิน โดยยกตัวอย่างว่า มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่เพิ่มความรุนแรงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในครั้งถัดไป ท่ามกลางการขยายตัวของจำนวนประชากรอย่างเชื่องช้า นอกจากนี้ ปัจจัยเชิงลบต่อเศรษฐกิจสามารถเกิดจากผลกระทบของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในประเทศจีน อนึ่ง อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำ ประกอบกับข้อจำกัดในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ส่งผลให้ทั้งสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปมีเครื่องมือที่จำกัด ในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นาย Neel Kashkari, Federal Reserve Bank of Minneapolis President (Non-voter) ให้ความเห็นว่าภาวะตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ กำลังส่งสัญญาณถึงความกังวลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในอนาคต โดยสะท้อนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนระยะสั้น ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังคงแสดงถึงภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
โดยนาย Kashkari กล่าวเสริมว่าลักษณะของ yield curve สะท้อนความเห็นของผู้เส่นในตลาดต่อภาวะของนโยบายการเงิน (ตึงตัวหรือผ่อนคลาย) ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของตน ในการพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อนึ่ง นาย Kashkari มักมีความเห็นเชิง dovish เมื่อเทียบกับคณะกรรมการท่านอื่น
Source: BOTSS
- Fed’s Rosengren Says Damage to China’s Economy Likely to Spill Into Other Countries:
คลิก
- Fed's Rosengren Favors Hiking Until Rates ‘Mildly Restrictive’:
คลิก
- Fed's Kashkari sees no need for interest rate hikes:
คลิก
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/