ราคาทองคำโลกยังถูกแรงขายทำกำไรกดดันให้ปรับตัวลดลง หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดและเคลื่อนไหวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นกดดันตลาดเพิ่มเติม ขณะที่นักลงทุนทั่วโลกจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในคืนวันศุกร์นี้

ซึ่งอาจส่งสัญญาณทิศทางนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในระยะถัดไป

ในปีนี้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นรวมแล้วกว่า 60% จากแรงหนุนของความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั่วโลก อีกทั้งกระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี รวมถึงแรงซื้อที่ไหลเข้ากองทุน ETF ทองคำอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม หลังจากราคาทองคำปรับขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา จึงเกิดแรงเทขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มทรงตัวบริเวณ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่เข้ามาชี้นำ เช่น ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน หรือการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด

ด้านรายงานเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐคืนนี้ ตลาดจับตาการเปิดเผย ยอดขายบ้านมือสองเดือนตุลาคม โดยมีการคาดการณ์ที่ระดับ 4.06 ล้านยูนิต เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากตัวเลขเดือนกันยายนที่ 4.00 ล้านยูนิต ซึ่งหากออกมาต่ำกว่าคาดอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์และช่วยหนุนราคาทองคำได้ในระยะสั้น

สำหรับราคาทองคำในประเทศ เปิดตลาดวันหยุดปิยมหาราชไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน หลังจากเมื่อวันก่อนร่วงลงอย่างรุนแรงเป็นประวัติการณ์รวม 2,750 บาท โดยเปิดตลาดร่วงพรวดเดียว 2,500 บาท แตะระดับ 63,750 บาท ก่อนจะผันผวนทั้งวันและปิดตลาดที่ระดับ 63,500 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่ค่าเงินบาทยังอ่อนค่า เคลื่อนไหวบริเวณ 32.81 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นปัจจัยช่วยพยุงราคาทองคำในประเทศไม่ให้ลดลงมากนัก