Christopher Waller ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ส่งสัญญาณเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมคริปโต หลังประกาศในงาน Wyoming Blockchain Symposium ว่า เฟดควรเปิดรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อยกระดับระบบการชำระเงิน

พร้อมสนับสนุนการพัฒนาจากภาคเอกชน

ถ้อยแถลงดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนการเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) เดือนกรกฎาคม ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญคือการหารืออย่างจริงจังเกี่ยวกับ Stablecoin

Waller ย้ำว่า การเปิดกว้างของเฟดต่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะช่วยทำให้ระบบการชำระเงินทันสมัย และเพิ่มความร่วมมือกับภาคเอกชนในการสร้างระบบการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น โดยสอดคล้องกับท่าทีของเฟดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เช่น การยุติโครงการตรวจสอบเข้มงวดต่อธนาคารที่เกี่ยวข้องกับคริปโต การถอดความเสี่ยงด้านชื่อเสียงออกจากเกณฑ์ตรวจสอบ รวมถึงการยกเลิกคำแนะนำที่เคยห้ามหรือกีดกันธนาคารจากการเข้าร่วมกิจกรรมคริปโตและ Stablecoin

ในเวทีเดียวกัน Michelle Bowman รองประธานเฟดฝ่ายกำกับดูแล ยังเสริมว่า หน่วยงานกำกับดูแลและธนาคารควร “เลิกความระมัดระวังเกินไป” และหันมาเปิดรับเทคโนโลยีใหม่อย่างจริงจัง

Stablecoin: โอกาสและความเสี่ยง

จากรายงานการประชุม FOMC เดือนกรกฎาคม เฟดระบุว่า Stablecoin ที่อ้างอิงกับเงินดอลลาร์สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบการชำระเงิน และยังอาจหนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (U.S. Treasuries)

อย่างไรก็ตาม เฟดยังเตือนถึงความเสี่ยงที่ Stablecoin อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบธนาคาร ความมั่นคงทางการเงิน และการดำเนินนโยบายการเงิน จึงจำเป็นต้องมีการติดตามและประเมินอย่างใกล้ชิด

สัญญาณเชิงบวกต่อคริปโตสหรัฐฯ

ท่าทีล่าสุดของเฟดสะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก หลังจากที่ผ่านมาเคยถูกวิจารณ์ว่ามีจุดยืนเข้มงวดต่อคริปโตและ Stablecoin โดยนักวิเคราะห์มองว่านี่อาจเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยปูทางให้สหรัฐฯ เดินหน้าสู่การผสานสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากับระบบการเงินได้มากขึ้น

Nate Geraci ประธาน NovaDius Wealth กล่าวผ่าน X (Twitter เดิม) ว่า “รายงานการประชุม FOMC ล่าสุด แสดงให้เห็นว่ามีการหารือเรื่อง Stablecoin จริง ๆ”