สำนักงานกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าแห่งสหรัฐอเมริกา (CFTC) เปิดตัวแผนริเริ่มใหม่ เตรียมเปิดทางให้สามารถซื้อขายสัญญา Spot Crypto Asset บนตลาดซื้อขายล่วงหน้า (DCM) ที่ได้รับการรับรองจาก CFTC ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการกำกับดูแลตลาดคริปโตเข้าสู่ระบบอย่างเป็นทางการ

โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “Crypto Sprint” ที่ CFTC นำมาใช้ตามข้อเสนอของคณะทำงานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในยุครัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งประกอบด้วยข้อเสนอรวม 18 ข้อ เพื่อพัฒนากรอบกฎหมายและกำกับดูแลให้ทันสมัย สอดรับกับพฤติกรรมของตลาดจริง

สัญญา Spot Crypto ที่เสนอจะมีลักษณะคล้ายฟิวเจอร์ส โดยอิงจากราคาสปอตจริงของสินทรัพย์ดิจิทัล แต่สามารถซื้อขายได้ภายในตลาดอนุพันธ์ที่ได้รับอนุญาตจาก CFTC เท่านั้น ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัยให้กับนักลงทุนแล้ว ยังเป็นการผลักดันสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่การกำกับดูแลโดยหน่วยงานรัฐบาลกลางอย่างเป็นระบบ

ภายใต้ข้อกำหนดของพระราชบัญญัติ Commodity Exchange Act มาตรา 2(c)(2)(D) การทำธุรกรรมที่ใช้เลเวอเรจ มาร์จิ้น หรือเงินทุนจากบุคคลที่สามจะต้องดำเนินการผ่านตลาดที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ CFTC เท่านั้น ซึ่งแนวทางใหม่นี้สอดรับกับบทบัญญัติดังกล่าวอย่างชัดเจน

CFTC ยังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณชนและผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม โดยเชิญชวนเสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบทางกฎหมาย รวมถึงความสัมพันธ์ของสัญญา Spot Crypto กับกฎหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในกรณีที่สินทรัพย์นั้นไม่ถือเป็น “หลักทรัพย์” (Security) อย่างชัดเจน แต่มีลักษณะคล้าย Investment Contract

กำหนดปิดรับความคิดเห็นจะสิ้นสุดในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 นี้

นอกจากนี้ รายงานข้อเสนอจากทีมที่ปรึกษายุครัฐบาลทรัมป์ยังเสนอให้ CFTC ออกแนวทางที่ชัดเจนในการแยกประเภทสินทรัพย์ดิจิทัลว่า Crypto ใดควรถูกจัดเป็น “สินค้าโภคภัณฑ์” และ Crypto ใดอาจเข้าข่าย “หลักทรัพย์” พร้อมทั้งเสนอให้ทบทวนกฎที่เกี่ยวข้องกับ DeFi และอนุพันธ์บนบล็อกเชน

อย่างไรก็ตาม การผลักดันแผนดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความท้าทายภายในองค์กร CFTC เอง เนื่องจากปัจจุบันมีเพียง 2 คณะกรรมการจากทั้งหมด 5 คน และยังไม่มีประธานอย่างเป็นทางการ โดยอยู่ระหว่างรอการแต่งตั้งจากฝ่ายบริหารของรัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่

หากข้อเสนอของ CFTC ได้รับการตอบรับในทางบวกจากทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคริปโตในสหรัฐฯ ที่จะนำไปสู่การกำกับดูแลที่ชัดเจน โปร่งใส และยั่งยืนในระยะยาว