สำนักข่าว CNBC รายงานวันนี้ (15 ก.ค.) ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.599% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตซับไพรม์ปี 2008 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายทางการคลังที่อาจเพิ่มขึ้นจากนโยบายลดภาษี

ก่อนการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในวันอาทิตย์ที่ 20 ก.ค. นี้

ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า บอนด์ยีลด์ญี่ปุ่นอายุ 30 ปีพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.21% ขณะที่พันธบัตรอายุ 20 ปีแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี นับตั้งแต่ปี 1999

เคน มัตสึโมโตะ นักกลยุทธ์ด้านมหภาคจาก Credit Agricole CIB กล่าวว่า ตลาดกำลังคาดการณ์ว่าหลังการเลือกตั้งรัฐบาลญี่ปุ่นอาจเดินหน้าขยายนโยบายการคลัง ซึ่งเป็นสาเหตุให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวของญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น

แรงกดดันหลักมาจากการที่นักการเมืองหลายฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายค้าน เรียกร้องให้มีการ “ลดภาษีบริโภค” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งสร้างความกังวลว่าญี่ปุ่นอาจเผชิญกับภาระหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น หากไม่มีแหล่งรายได้ที่มั่นคงเพียงพอ

แม้นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ จะยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ออกพันธบัตรเพิ่มเติมเพื่อดำเนินมาตรการลดภาษีดังกล่าว แต่ความไม่แน่นอนทางการคลังและแรงกดดันจากการเมืองยังคงสร้างความกังวลในหมู่นักลงทุน

“ญี่ปุ่นมีหนี้สาธารณะสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก คิดเป็นประมาณ 250% ของ GDP ในปี 2023” วิษณุ วรธาร หัวหน้าฝ่ายวิจัยมหภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) จาก Mizuho Securities กล่าว พร้อมตั้งคำถามถึงความสามารถของรัฐบาลญี่ปุ่นในการคงวินัยทางการคลัง

อามีร์ อันวาร์ซาเดห์ นักกลยุทธ์จาก Asymmetric Advisors ชี้ว่า การพูดถึงการลดภาษีในช่วงนี้ “เปรียบเสมือนการฆ่าตัวตายทางเศรษฐกิจ” พร้อมเสริมว่า “กลุ่มพิทักษ์พันธบัตร” ได้เริ่มเคลื่อนไหว โดยเรียกร้องผลตอบแทนที่สูงขึ้น เพื่อชดเชยความเสี่ยงในการลงทุนในพันธบัตรญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลให้เกิดการชอร์ตในตลาด

นักวิเคราะห์หลายรายเตือนว่า หากรัฐบาลเดินหน้าลดภาษีโดยไม่มีแผนรองรับรายได้ อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะยาว และเพิ่มความเปราะบางให้กับเศรษฐกิจญี่ปุ่นในที่สุด