สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ในตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา การลดลงนี้เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันที่มีผลกระทบต่อราคา นอกจากนี้ยังมีการประเมินจากนักลงทุนว่าการลอบสังหารผู้นำกลุ่มฮามาสอาจจะไม่ส่งผลให้วิกฤตในตะวันออกกลางลุกลามเป็นวงกว้าง
ซึ่งทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคนั้นไม่ได้กระทบต่อราคาอย่างที่คาดการณ์ไว้
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI สำหรับการส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 2.05% ปิดที่ 76.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ สำหรับการส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 1.32 ดอลลาร์ หรือ 1.63% ปิดที่ 79.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
การลดลงของราคา WTI และเบรนท์บ่งบอกถึงความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมัน รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมัน
ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 4% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เนื่องจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่มีการสังหารผู้นำกลุ่มฮามาสในอิหร่านและผู้บัญชาการทหารของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในกรุงเบรุต ซึ่งสร้างความวิตกกังวลว่าสถานการณ์อาจลุกลามเป็นวงกว้างและส่งผลกระทบต่อการผลิตและการจัดส่งน้ำมันในภูมิภาคนั้น
เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน เนื่องจากตลาดมักจะตอบสนองต่อความไม่แน่นอนในภูมิภาคที่มีบทบาทสำคัญในการผลิตและการจัดส่งน้ำมันทั่วโลก
- ผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน: ขณะนี้ยังไม่มีการพิสูจน์ชัดเจนว่าเหตุการณ์ในตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันอย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกันตลาดยังคงมองข้ามปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์และให้ความสำคัญกับอุปสงค์น้ำมันดิบทั่วโลก
- การโจมตีของกลุ่มกบฎฮูตี: การโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันที่ทะเลแดงทำให้การขนส่งน้ำมันต้องเลือกเส้นทางที่ยาวขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในการขนส่ง
- ข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอ:
- จีน: ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนลดลงสู่ระดับ 49.8 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 แสดงถึงการหดตัวของภาคการผลิต
- สหรัฐ: ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 46.8 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 โดยสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนถึงความอ่อนแอในภาคการผลิตและความไม่แน่นอนในตลาดน้ำมัน ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดในระยะยาว
การประชุมของคณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มโอเปกพลัสที่เสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม มีมติคงนโยบายการผลิตเดิมไว้ ซึ่งหมายความว่าโอเปกพลัสจะยังคงการปรับลดกำลังการผลิตรวม 5.86 ล้านบาร์เรล/วัน โดยรายละเอียดของการปรับลดกำลังการผลิตมีดังนี้:
- การปรับลดกำลังการผลิตโดยสมาชิกโอเปกพลัส: 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน
- การปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจของสมาชิกโอเปกพลัส 8 ชาติ: 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน
การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความพยายามของโอเปกพลัสในการควบคุมราคาน้ำมันและจัดการกับอุปทานน้ำมันในตลาด โดยมุ่งเน้นการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันให้มีความยั่งยืนในระยะยาว แม้ว่าตลาดน้ำมันอาจเผชิญกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
แผนการปรับลดกำลังการผลิตของโอเปกพลัสและแนวทางในอนาคต:
- การปรับลดกำลังการผลิตจำนวน 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน: มีกำหนดสิ้นสุดในช่วงสิ้นปี 2568
- การปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจจำนวน 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน: สมาชิกโอเปกพลัส 8 ชาติจะทยอยยุติการปรับลดกำลังการผลิตในช่วง 1 ปี ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ถึงกันยายน 2568 ซึ่งหมายความว่าโอเปกพลัสอาจเริ่มปรับเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนตุลาคม 2567
อย่างไรก็ตาม, มาตรการในการทยอยยุติการปรับลดกำลังการผลิตอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตลาดน้ำมัน
สำหรับการประชุมครั้งถัดไปของ JMMC จะมีขึ้นในวันที่ 2 ตุลาคม 2567 ซึ่งอาจให้ข้อมูลและแนวทางเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการผลิตของโอเปกพลัสในอนาคต
Cr.สำนักข่าวอินโฟเควสท์
----------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo