forex_calendar

1.  ตั้งเวลาให้ตรงกับประเทศไทยคือ (GMT+7:00) Bangkok, Hanoi, Jakarta
2.  ไว้สำหรับเลือกวันที่ต้องการดูข่าว
3.  เวลาข่าวออก
4.  ตระกูลเงินของข่าว
5.  ความรุนแรงของข่าว
6.  เหตุการณ์ของข่าว
7.  ค่าตัวเลขจริงที่ออก
8.  ค่าตัวเลขคาดการณ์
9.  ค่าตัวเลขครั้งก่อน

forex_calendar

เมื่อถึงเวลาข่าวออกตัวเลขค่าจริงจะแสดงออกมาในช่อง Actual ซึ่งจะมีสีแตกต่างกันดังนี้

  • ตัวเลขออกเป็นสีเขียวแสดงตัวเลขดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
  • ตัวเลขออกเป็นสีแดงแสดงว่าตัวเลขแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้
  • ตัวเลขออกเป็นสีดำแสดงว่าตัวเลขเท่ากับค่าที่คาดการณ์หรือใกล้เคียงกับสถิติเดิม (Previous)

 

สิ่งที่ต้องสนใจในการเทรดข่าว Forex

 

1.  เรื่องค่าสกุลเงิน ถ้าเทรดสกุลไหนก็ต้องสนใจเฉพาะสกุลนั้น เช่นถ้าเราเช่น EUR/USD ก็สนใจเฉพาะข่าวของ USD และ EUR และเราต้องรู้ด้วยว่าถ้าข่าวออกมาจะทำให้ค่าเงินเราขึ้นหรือลง เช่น ถ้าเราเล่น EUR/USD ถ้าข่าวดอลลาร์สหรัฐออกมาดีแสดงคู่เงินที่มี USD อยู่หลังกราฟจะลง แต่ถ้าข่าว USD ออกมาไม่ดีกราฟจะขึ้น ในทางกลับกันถ้าข่าว EUR ออกมาดีกราฟจะขึ้นแต่ถ้าข่าว EUR ออกมาไม่ดีกราฟจะลง

2. เรื่องระดับความแรงของข่าว ระดับความแรงขอข่าวจะมีสามระดับดังรูป

forex_calendar

3. ค่าตัวเลขจริงที่ออก(Actual) ถ้าค่าตัวเล่นจริงที่ออกมาต่างจากค่าก่อนหน้า(Previous)มาก ยิ่งมีผลทำให้ค่าเงินวิ่งขึ้นลงแรงมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับความแรงของข่าวด้วย

 ลาวเดินหน้าแก้วิกฤติ ดึงดอลลาร์ที่ถูก “กักตุน” ไว้ กลับคืนสู่ระบบ

เมื่อวันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ธนาคารแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) หรือแบงก์ชาติลาว ได้มีหนังสือแจ้งการฉบับที่ 01/ทหล. เรื่อง “ยุติการอนุญาตดำเนินธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราของร้านแลกเปลี่ยนเงินตราซึ่งเป็นตัวแทนของธนาคารพาณิชย์”

เนื้อหาในหนังสือแจ้งการฉบับนี้ อ้างอิงข้อตกลงว่าด้วยบริการแลกเปลี่ยนเงินตราฉบับที่ 1026/ทหล. ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2565 ที่กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในลาวเท่านั้น จึงสามารถให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้ ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับนิติกรรมที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน…
1. ธนาคารแห่ง สปป.ลาว จึงยุติการอนุญาตให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของร้านแลกเงินที่มีอยู่ทั่วประเทศ 113 แห่ง ซึ่งเป็นตัวแทนของธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในลาว 6 แห่ง
2. ให้ธนาคารพาณิชย์ทั้ง 6 แห่ง หยุดการต่อสัญญาและยกเลิกสัญญาการเป็นตัวแทนแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศกับร้านแลกเงินทั้ง 113 แห่ง, ปิดบัญชีเงินฝากที่ออกในนามของร้านแลกเงินทั้ง 113 แห่ง และนำเอกสารหลักฐานการยกเลิกสัญญาเป็นตัวแทนแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่แต่ละธนาคารทำกับร้านแลกเงินทั้ง 113 แห่ง รวมถึงหนังสืออนุญาตทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของร้านแลกเงินทั้ง 113 ร้าน ส่งคืนไปยังกรมนโยบายเงินตรา ธนาคารแห่ง สปป.ลาว ภายในวันที่ 31 มกราคม 2566
3. ธนาคารพาณิชย์แห่งใดที่ต้องการจัดตั้งหน่วยงานแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของตนเอง ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงว่าด้วยบริการแลกเปลี่ยนเงินตราฉบับที่ 1026/ทหล. ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2565…
ตามมาตราที่ 8 ของข้อตกลงว่าด้วยบริการแลกเปลี่ยนเงินตราฉบับที่ 1026/ทหล. กำหนดเงื่อนไขการตั้งหน่วยงานแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารพาณิชย์ไว้ดังนี้
1. เป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐ, ธนาคารพาณิชย์ที่รัฐร่วมทุน และธนาคารพาณิชย์เอกชน
2. มีระเบียบการควบคุมหน่วยงานแลกเปลี่ยนเงินตราที่สอดคล้องกับระเบียบการซึ่งกำหนดไว้ในมาตราที่ 7 ข้อที่ 1 ของข้อตกลงฉบับนี้…
เนื้อหาในข้อตกลงว่าด้วยบริการแลกเปลี่ยนเงินตราฉบับที่ 1026/ทหล. มาตราที่ 7 ข้อที่ 1 ระบุว่า“มีระเบียบการเกี่ยวกับบริการแลกเปลี่ยนเงินตราที่สอดคล้องกับระเบียบการที่เกี่ยวข้อง, มีการบริหารความเสี่ยงด้านการตลาด และมีมาตรการปกป้องผู้ใช้บริการการเงิน”
3. มีหน่วยงานหรือบุคลากรเฉพาะ ที่จะมาควบคุมหน่วยงานแลกเปลี่ยนเงินตรา
4. มีระบบการรายงานข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยน การซื้อ และ/หรือ ขาย เงินตราต่างประเทศ ที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างธนาคารพาณิชย์และหน่วยแลกเปลี่ยนเงินตรา และรับประกันการรายงานข้อมูลให้แก่ธนาคารแห่ง สปป.ลาว อย่างเป็นปกติตามระเบียบการ
5. มีการจัดฝึกอบรม และเผยแพร่นิติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริการแลกเปลี่ยนเงินตรา ให้หน่วยงานแลกเปลี่ยนเงินตรา สองครั้งต่อปี
……
ลาวเป็นประเทศที่ต้องนำเข้าสินค้าเป็นส่วนใหญ่ เงินตราต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินบาท จึงเป็นสกุลเงินที่มีความต้องการและมีการใช้มากในลาว
หลายปีมาแล้วที่การค้าขายในลาว ถ้าเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป สามารถใช้เงินบาทซื้อขายได้ ไม่ว่าเป็นพื้นที่ชายแดน เมืองใหญ่ๆ หรือแม้แต่ในนครหลวงเวียงจันทน์
แต่หากเป็นสินค้าราคาสูง สินค้าฟุ่มเฟือย เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรือรถยนต์ ทั้งหมดตั้งราคาและซื้อขายกันด้วยเงินสกุลดอลลาร์
แม้รัฐบาล โดยทั้งกระทรวงการเงินและธนาคารแห่ง สปป.ลาว พยายามรณรงค์ให้ทั่วประเทศใช้เงินกีบ แต่คนลาวจำนวนมากก็ยังนิยม และสะดวกใจในการใช้เงินบาท และโดยเฉพาะเงินดอลลาร์กันอยู่
การเปิดรับเงินลงทุนจากต่างประเทศและการท่องเที่ยว จึงเป็น 2 ช่องทางหลัก ที่จะได้มีเงินดอลลาร์ไหลเข้าไปในลาว
อย่างไรก็ตาม หลังเริ่มมีการระบาดของโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 ลาวจำเป็นต้องปิดประเทศ เป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติการเงินในลาว เพราะทำให้รายได้ที่เป็นเงินดอลลาร์จำนวนมากซึ่งเคยได้รับมาจากนักท่องเที่ยว ต้องหายไป
บริษัท ห้างร้าน กิจการที่มีการติดต่อกับต่างประเทศหลายแห่ง บุคคลหลายคน โดยเฉพาะบุคคลชั้นสูงในวงสังคม จึงจำเป็นต้องกักตุนเงินดอลลาร์ไว้กับมือให้มากที่สุด เพื่อความคล่องตัวในการค้าขาย ซื้อสินค้า หรือใช้เป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรองธุรกิจ รวมถึงเพื่อแสดงสถานะ
เงินดอลลาร์ที่มีจำกัดอยู่แล้วในลาว จึงกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า เป็นที่ต้องการ และกดค่าเงินกีบให้ตกต่ำลงอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง
เชื่อกันว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีใครรู้ข้อมูลที่แท้จริงว่าปริมาณเงินดอลลาร์ที่มีอยู่ในลาวนั้น มีเป็นจำนวนเท่าใด และจุดนี้เอง ที่เป็นต้นเหตุหลักของวิกฤติการเงินที่ลาวต้องเผชิญมาตลอดหลายปี จนมีหลายช่วงที่ในประเทศ ได้เกิดภาวะขาดแคลนเงินดอลลาร์ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมคือเหตุการณ์ในเดือนเมษายน-มิถุนายน 2565 ที่บริษัทผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงของลาวไม่มีเงินดอลลาร์เพียงพอสำหรับซื้อน้ำมันเข้ามาจากต่างประเทศ จนกลายเป็นวิกฤติน้ำมันเชื้อเพลิงขาดตลาด ปั๊มน้ำมันหลายแห่งต้องหยุดให้บริการชั่วคราวเพราะไม่มีน้ำมันขาย ผู้ใช้รถต้องไปต่อคิวยาวเหยียดเพื่อรอเติมน้ำมันในปั๊มที่ยังพอมีน้ำมันเหลืออยู่ จนเกิดเป็นภาพความโกลาหลตามหน้าปั๊มน้ำมันหลายแห่งทั่วประเทศมาแล้ว
หน่วยงานที่กำกับดูแลด้านการเงินในลาวเชื่อว่า สถานการณ์เงินดอลลาร์ขาดตลาด เพราะมีเงินดอลลาร์จำนวนมากที่ถูกกักตุนไว้นอกระบบ และหน่วยงานของรัฐไม่มีข้อมูล หรือเคยบันทึกข้อมูลปริมาณเงินดอลลาร์เหล่านี้เอาไว้เลย!!!
“ยกตัวอย่าง นักลงทุนต่างประเทศนำเงินตราเข้ามามหาศาล จดแจ้งเท่านี้ แต่เมื่อไปตรวจพบจริง มีมากกว่า 4 เท่า ตามที่รองผู้ว่าฯ ได้รายงานอยู่ในที่สัมมนา เราก็ทำอะไรไม่ได้ เราตรวจพบ เราก็ไม่รู้ว่าเงินไปอยู่ที่ไหน อันนี้มันแสดงถึงความอ่อนแอของการควบคุมเงินตราต่างประเทศของพวกเรา เพราะว่าแขนงการนี้ มันคือหนึ่งในเสาค้ำหลักของเศรษฐกิจมหภาค เพราะฉะนั้นตัวนี้ ถ้าเราไม่จริงใจในการปฏิบัติตามกฎหมาย พวกเราก็ยังจะตกอยู่ในสภาพนี้ต่อไป การควบคุมเงินตราของพวกเรานี่ ก็จะอ่อนแอมาก
สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงแต่ธนาคารกลางผู้เดียว ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจทั้งหมด พอเวลาที่เอาเงินเข้ามา บรรดาโครงการใหญ่ๆ โรงไฟฟ้า เหมืองต่างๆ ล้วนแล้วแต่ได้เป็นเงินตราต่างประเทศเข้ามา แล้วมันไปไหน มีแต่บอกว่ามันไม่เข้าไปในระบบ มันไปไหน เรารู้อยู่ มันไม่เข้าระบบ มันผิดกฎหมายควบคุมเงินตรา แต่เราก็ไม่ทำอะไร อันนี้ก็เป็นตัวหนึ่งที่อยากถามต่อว่า เราจะแก้ไขแนวใด มาตรการตรงนี้จะจริงจังแนวใด ถ้าพวกเราจริงจังแก้ไขแล้ว ข้าพเจ้าเชื่อว่าพวกเราจะไม่ตกอยู่ในสภาพเหมือนทุกวันนี้
ฉะนั้น ระบบ ความผิดพลาด หละหลวมที่ผ่านมานี่ ถ้าเราไม่จริงใจแก้จริงจังแล้วนี่ จะมีมาตรการใดมา ก็แก้ไขไม่ได้เลย”
เป็นส่วนหนึ่งในคำอภิปรายอย่างดุเดือดของ “วาลี เวดสะพง” สมาชิกสภาแห่งชาติ จากเขตเลือกตั้งที่ 1 นครหลวงเวียงจันทน์ ในการประชุมสมัยสามัญครั้งที่ 3 สภาแห่งชาติลาว ชุดที่ 9 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565
ตามเนื้อหาของหนังสือแจ้งการ ฉบับที่ 01/ทหล. ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2566 ดูเหมือนมีเป้าหมายที่ต้องการจัดระเบียบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในลาว โดยกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์เท่านั้นที่สามารถให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราได้
เพราะหลังมีการยกเลิกร้านแลกเงิน 113 แห่ง ที่เคยตั้งอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยว หรือศูนย์กลางธุรกิจต่างๆ ไปทั้งหมดแล้วนั้น ผู้ที่ต้องการแลกเงินตราต่างประเทศในลาว ต้องทำรายการกับธนาคารพาณิชย์ หรือบูธแลกเงินของธนาคารพาณิชย์เท่านั้น ซึ่งต้องมีการรายงานข้อมูลธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศต่อธนาคารแห่ง สปป.ลาว
แต่ในอีกนัยหนึ่ง หนังสือแจ้งการฉบับนี้ คือกลไกเพื่อใช้ดูดเงินดอลลาร์ซึ่งกระจัดกระจายอยู่นอกระบบ ให้เข้ามาอยู่ในระบบ เพื่อให้หน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลมีโอกาสรวบรวมข้อมูลและประเมินปริมาณเงินดอลลาร์ในตลาดเงินลาวได้ว่า แท้จริงแล้วมีอยู่ประมาณเท่าใด
ความจริง ธนาคารแห่ง สปป.ลาว ได้เริ่มเข้มงวดกับร้านรับแลกเงินอย่างจริงจังมาตั้งแต่ค่าเงินกีบเริ่มแสดงแนวโน้มอ่อนค่าลง หลังปิดประเทศในปี 2563 เพราะเชื่อว่าร้านแลกเงินเป็นช่องทางหนึ่งที่มีส่วนทำให้เงินดอลลาร์จำนวนมาก ไหลออกไปอยู่นอกระบบ
เดือนกรกฎาคม 2564 ธนาคารแห่ง สปป.ลาว มีหนังสือแจ้งการ ฉบับที่ 758/กนง. กำหนดให้ร้านแลกเงินอิสระที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ต้องแปรสภาพเป็นร้านตัวแทนของธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้สามารถใช้กฎหมายเข้าไปกำกับดูแลธุรกรรมของร้านแลกเงินเหล่านี้
วันที่ 17 กันยายน 2564 ห้องการ ธนาคารแห่ง สปป.ลาว มีหนังสือแจ้งการ ฉบับที่ 175/หก. แจ้งรายชื่อร้านแลกเงินทั่วประเทศ 419 แห่ง ที่ได้ทำสัญญาเป็นตัวแทนธนาคารสำเร็จแล้ว โดยมีธนาคารพาณิชย์ 9 แห่ง ที่มีตัวแทนร้านแลกเงินอยู่ในเครือ ประกอบด้วย
1. ธนาคารการค้าต่างประเทศลาว
2. ธนาคารพัฒนาลาว
3. ธนาคารส่งเสริมกสิกรรม
4. ธนาคารร่วมพัฒนา
5. ธนาคารเอสที
6. ธนาคารบีไอซี ลาว
7. ธนาคารเวียดติน ลาว
8. ธนาคารร่วมธุรกิจลาวเวียด
9. ธนาคารมารูฮาน แจแปน ลาว
3 ใน 9 แห่งนี้ เป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐ คือ ธนาคารการค้าต่างประเทศลาว, ธนาคารพัฒนาลาว และธนาคารส่งเสริมกสิกรรม
ต่อมา วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ธนาคารแห่ง สปป.ลาว มีหนังสือแจ้งการฉบับที่ 340/หก. ระบุว่า มีร้านแลกเงิน 306 แห่ง ได้ขอหยุดทำธุรกิจแบบถาวร จึงคงเหลือร้านแลกเงินทั่วประเทศลาวอยู่เพียง 113 แห่ง ซึ่งทั้งหมด เป็นของธนาคารพาณิชย์เอกชน 6 แห่ง ได้แก่
1. ธนาคารร่วมพัฒนา
2. ธนาคารเอสที
3. ธนาคารบีไอซี ลาว
4. ธนาคารเวียดติน ลาว
5. ธนาคารร่วมธุรกิจลาวเวียด
6. ธนาคารมารูฮาน แจแปน ลาว
แต่ล่าสุด จากข้อตกลงว่าด้วยบริการแลกเปลี่ยนเงินตราฉบับที่ 1026/ทหล. ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2565 และหนังสือแจ้งการฉบับที่ 01/ทหล. ลงวันที่ 13 มกราคม 2566 ร้านแลกเงินทั้ง 113 แห่ง ก็ถูกยุติกิจการไปทั้งหมดแล้วด้วยเช่นกัน
นอกจากการจัดระเบียบธุรกิจบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแล้ว ธนาคารแห่ง สปป.ลาว ยังพยายามหาเครื่องมือมาดึงดูดให้มีการคายเงินดอลลาร์บางส่วนที่ถูกกักตุนไว้ ให้กลับคืนเข้าสู่ระบบ
วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 ก่อนออกหนังสือแจ้งการฉบับที่ 01/ทหล.ไม่กี่วัน ธนาคารแห่ง สปป.ลาว เปิดขายพันธบัตรสกุลเงินกีบ งวดที่ 2 วงเงิน 1 ล้านล้านกีบ ให้อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 20%
การขายพันธบัตรลอตนี้ เป็นการดำเนินมาตรการต่อเนื่อง หลังจากธนาคารแห่ง สปป.ลาว เคยออกพันธบัตรลักษณะเดียวกันลอตแรก มาขายเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2565 แต่พันธบัตรลอตแรก มีวงเงินสูงกว่า คือ 5 ล้านล้านกีบ
พันธบัตรทั้ง 2 ลอต มีอายุ 6 เดือน ไม่สามารถเปลี่ยนมือได้ ธนาคารแห่ง สปป.ลาว จะชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยครั้งเดียว เมื่อพันธบัตรครบกำหนดไถ่ถอน
ทั้ง 2 ลอตเป็นพันธบัตรอิเลคทรอนิคส์ ไม่มีใบพันธบัตร (Script less) ผู้ซื้อจะได้รับใบรับรองการถือครองพันธบัตร (BOL Bill Certificate) ซึ่งธนาคารพาณิชย์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายออกให้
กำหนดให้ผู้มีสิทธิ์ซื้อพันธบัตร เป็นบุคคล นิติบุคคล ซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ในลาวตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ยกเว้นธนาคารพาณิชย์ หรือสถาบันการเงินที่รับฝากเงินในลาว จะไม่มีสิทธิ์ซื้อพันธบัตรนี้
โดยผู้ที่มีสิทธิสามารถซื้อพันธบัตรได้ในวงเงินต่ำสุด 100,000 กีบ บุคคลธรรมดาสามารถซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 2 พันล้านกีบ ส่วนนิติบุคคลซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 ล้านกีบ
ธนาคารแห่ง สปป.ลาว ได้แต่งตั้งธนาคารพาณิชย์ 7 แห่งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายพันธบัตรลอตที่ 2 ประกอบด้วย ธนาคารการค้าต่างประเทศลาว, ธนาคารพัฒนาลาว, ธนาคารส่งเสริมกสิกรรม, ธนาคารร่วมธุรกิจลาว-เวียด, ธนาคารร่วมพัฒนา, ธนาคารอุตสาหกรรมและการค้าจีน (ICBC) สาขานครหลวงเวียงจันทน์ และธนาคารบีไอซี ลาว
ธนาคารแห่ง สปป.ลาว ให้เหตุผลในการเปิดขายพันธบัตรทั้ง 2 ลอต ว่า เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพตลาดการเงินของลาว
มีหลายคนมองว่า ธนาคารแห่ง สปป.ลาว คงคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ย 20% ต่อปีที่ให้ หรือ 10% ที่จะได้รับจริงตามอายุของพันธบัตร 6 เดือน อาจดึงดูดให้มีบางคนยอมปล่อยดอลลาร์ที่ตุนไว้บางส่วน เพื่อแลกเป็นกีบ แล้วนำมาซื้อพันธบัตร
แต่จากอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารการค้าต่างประเทศ ณ วันที่ 9 มกราคม 2566 ค่าเงินดอลลาร์ที่ธนาคารรับซื้ออยู่ที่ 17,010 กีบ ต่อ 1 ดอลลาร์ เทียบกับวงเงินพันธบัตรลอตที่ 2 ที่ธนาคารแห่ง สปป.ลาว เปิดขาย 1 ล้านล้านกีบ เท่ากับ 59 ล้านดอลลาร์ เป็นวงเงินที่อาจไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์กระเตื้องขึ้นมาได้มากนัก
วิกฤติการเงินในลาว ยังเป็นปมที่ต้องรอการคลี่คลายต่อไป…
ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์ รายงาน
Source: ThaiPublic

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านารเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"