หลายประเทศในยุโรปเริ่มกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ หลังโควิด-19 กลับมาระบาดหนักในภูมิภาค วันที่ 13 พ.ย. 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ยุโรปได้กลายมาเป็นศูนย์กลางโควิด-19 ระบาดอีกครั้ง
ทำให้รัฐบาลของบางประเทศพิจารณาที่จะกำหนดมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งก่อนถึงเทศกาลคริสมาสต์ และเกิดข้อถกเถียงขึ้นมาว่าวัคซีนที่มีอยู่เพียงพอหรือไม่
รอยเตอร์สระบุว่า ในรอบ 7 วันที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่พบในยุโรป คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตราวครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลก ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อิตาลีพบการระบาดของเชื้อไวรัสที่สูงสุดเป็นครั้งแรก
การแพร่ระบาดระลอกใหม่ในยุโรปครั้งนี้ ส่งผลให้รัฐบาลและภาคธุรกิจในหลายประเทศเกิดความกังวลว่าหากมีการยืดเยื้อต่อไปจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จนรัฐบาลของบางประเทศ อาทิ เนเธอร์แลนด์, เยอรมนี, ออสเตรีย และสาธารณรัฐเช็ก กำลังพิจารณาวางแผนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดเพิ่มเติม
มาร์ค รุตเตอ นายกรัฐมนตรีของเนเธอร์แลนด์ได้ประกาศล็อกดาวน์ประเทศบางส่วนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ตั้งแต่วันเสาร์นี้ (13 พ.ย.) ซึ่งเป็นการกลับมาล็อกดาวน์ครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน โดยมีการออกคำสั่งให้ร้านอาหารและร้านค้าในบางพื้นที่ปิดก่อนเวลา และห้ามผู้ชมเข้ารับชมการแข่งขันกีฬาในสนาม
นอกจากเนเธอร์แลนด์แล้ว เยอรมนีซึ่งเป็นอีกประเทศที่กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนักหน่วง โดยมีผู้ป่วยใหม่รายวันแตะหลักหมื่นคนต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว ล่าสุดรัฐบาลเยอรมนีได้ประกาศแจกชุดตรวจโควิด-19 ให้กับประชาชนเพื่อนำไปตรวจด้วยตนเอง และกำลังเตรียมเสนอร่างกฎหมายแก้ไขกฎหมายที่มีอยู่ เพื่อให้มาตรการต่างๆ เช่น บังคับสวมใส่หน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคมในพื้นที่สาธารณะ ยังมีผลบังคับใช้ไปจนถึงเดือนมี.ค. 2565
ขณะเดียวกันรัฐบาลออสเตรียก็กำลังเตรียมใช้มาตรการล็อกดาวน์กับผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวันที่ 15 พ.ย. นี้ โดยห้ามไม่ให้ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเข้าใช้บริการในร้านอาหาร, คาเฟ่, ร้านทำผม รวมถึงเข้าไปรวมตัวกับคนหมู่มากในพื้นที่สาธารณะ
ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในภูมิภาค ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ระบุว่าเป็น ‘เมฆพายุ’ ที่ปกคลุมทั่วยุโรปนั้น เกิดขึ้นในขณะที่ความสำเร็จในการรณรงค์ฉีดวัคซีนเริ่มชะลอตัวลงก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว
จากข้อมูลของสหภาพยุโรป (EU) แม้ประชาชนราว 65% ในเขตเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งครอบคลุมทั้งสหภาพยุโรป, ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ และนอร์เวย์ จะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบสองเข็มแล้ว แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้อัตราการฉีดวัคซีนได้เริ่มชะลอลง
เมื่อพิจารณาเป็นรายพื้นที่แล้ว ยุโรปใต้เป็นพื้นที่มีอัตราการฉีดวัคซีนก้าวหน้าที่สุด โดยมีประชาชนถึง 80% ที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว แต่ในยุโรปกลาง, ยุโรปตะวันออก และรัสเซียกลับมีปัญหาเนื่องจากประชาชนเกิดความลังเลใจไม่กล้ารับวัคซีน ซึ่งทำให้เกิดการระบาดหนักในพื้นที่เหล่านี้
ขณะเดียวกันในประเทศบางประเทศอย่าง เยอรมนี, ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนสูง ในตอนนี้ก็กำลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และได้สร้างความท้าทายให้กับรัฐบาลของประเทศเหล่านี้อย่างมาก
นักไวรัสวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขได้อธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ว่า อาจเป็นผลมาจากการที่อัตราการฉีดวัคซีนกระจายมากน้อยไม่เท่ากันในบางส่วนของภูมิภาค ในขณะที่ผู้ที่ได้รับวัคซีนตั้งแต่แรกๆ ก็เริ่มมีภูมิคุ้มกันลดลง อีกทั้งการผ่อนคลายมาตรการสกัดการแพร่ระบาดในประเทศต่างๆ ก็ทำให้ประชาชนเริ่มที่จะละเลยการสวมหน้ากากอนามัยหรือการเว้นระยะทางสังคม “สิ่งที่ต้องเรียนรู้จากเรื่องนี้ก็คือ เราจะต้องไม่ละสายตาออกจากลูกบอล” ลอว์เรนซ์ ยัง นักไวรัสวิทยาจากวิทยาลัยการแพทย์วอร์ริคในสหราชอาณาจักรกล่าวกับรอยเตอร์ส
Source: Workpoint today
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you