ทรัมป์เดินหน้าผลักดันกฎหมาย Stablecoin หวังลงนามก่อนสภาปิดสมัยประชุมสิงหาคม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศผลักดันร่างกฎหมาย Stablecoin โดยหวังลงนามก่อนที่สภาคองเกรสจะปิดสมัยประชุมในเดือนสิงหาคม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญต่อทิศทางการกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัลของรัฐบาลกลาง

 ผลักดัน Stablecoin เพื่ออนาคตของดอลลาร์สหรัฐฯ

ในการประชุมสุดยอดด้านสกุลเงินดิจิทัลครั้งแรกที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ย้ำถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนกฎหมายเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและโครงสร้างตลาด โดยระบุว่าเขาต้องการให้ดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อไปในอนาคต พร้อมเรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสเร่งดำเนินการ

“ผมหวังว่าสมาชิกสภาคองเกรสจะส่งกฎหมายนี้มาที่โต๊ะทำงานของผมก่อนที่สภาจะปิดสมัยประชุมในเดือนสิงหาคม” ทรัมป์กล่าว

ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน

การประชุมดังกล่าวดึงดูดผู้บริหารระดับสูงจากอุตสาหกรรมคริปโต รวมถึง ไบรอัน อาร์มสตรอง ซีอีโอของ Coinbase และอาร์จุน เซธี ซีอีโอร่วมของ Kraken ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล เช่น ฮาวเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง เฮสเตอร์ เพียร์ซ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และแคโรไลน์ แฟม รักษาการประธานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า

สมาชิกรัฐสภาหลายคน รวมถึง ทอม เอ็มเมอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากมินนิโซตา ก็เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว นอกจากนี้ เดวิด แซ็กส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์และคริปโตของทำเนียบขาว และโบ ไฮน์ส ผู้อำนวยการกลุ่มงานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของทรัมป์ ก็มีบทบาทสำคัญในการวางแผนการประชุมครั้งนี้

ต่อต้านนโยบาย “Operation Choke Point 2.0”

นอกจากประเด็น Stablecoin แล้ว ทรัมป์ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการปิดกั้นบริการทางการเงิน (debanking) โดยเรียกร้องให้ยุติ "Operation Choke Point 2.0" ซึ่งเป็นนโยบายที่บริษัทคริปโตหลายแห่งวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำให้พวกเขาประสบปัญหาในการเปิดและรักษาบัญชีธนาคาร

“พวกเขา [รัฐบาลของไบเดน] ใช้กำลังกดดันธนาคารให้ปิดบัญชีของธุรกิจและผู้ประกอบการด้านสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งเท่ากับเป็นการปิดกั้นเสรีภาพทางเศรษฐกิจและเป็นการโจมตีอุตสาหกรรมนี้โดยตรง” ทรัมป์กล่าว

ทิศทางใหม่ของนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้ทรัมป์

การประชุมสุดยอดด้านคริปโตของทรัมป์สะท้อนถึงจุดยืนที่แตกต่างจากรัฐบาลของโจ ไบเดน โดยมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลแทนที่จะเข้มงวดกับกฎระเบียบ

เจนนิเฟอร์ ชูลป์ ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาด้านกฎระเบียบทางการเงินของสถาบัน Cato ให้ความเห็นว่า “ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำเพื่อให้แน่ใจว่าสหรัฐฯ จะสามารถแข่งขันได้ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป” เธอยังเน้นว่าการสร้างสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เป็นธรรมจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ในระยะยาว

แรงสนับสนุนจากชุมชนคริปโต

ผู้สนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตหลายคนเริ่มแสดงความเห็นเชิงบวกต่อแนวทางของทรัมป์ โดยเชื่อว่าการปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนและธุรกิจที่ดำเนินการในภาคสินทรัพย์ดิจิทัล

“การที่ทรัมป์ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมคริปโตเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคต” ไมเคิล ซาเลอร์ ผู้ก่อตั้ง MicroStrategy กล่าว “สหรัฐฯ ควรเป็นผู้นำในด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ใช่ล้าหลังประเทศอื่น”

ด้วยทิศทางใหม่นี้ อุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐฯ อาจได้รับโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโต หากกฎหมาย Stablecoin และนโยบายสนับสนุนอื่นๆ สามารถผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรสได้ตามเป้าหมายของทรัมป์

คลิก

Cr.theblock

----------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"