เรามาทำความเข้าใจกับโมเดลของโบรกเกอร์กันบ้าง ท่านทราบหรือไม่ว่าโบรกเกอร์มีอยู่สองแบบ คือ โบรกเกอร์ แบบ STP (Straight Through Processing, STP) และแบบ MM (Market Making, MM)
ซึ่งแต่และแบบมีส่วนที่คล้ายกันและต่างกันอยู่ ปกติแล้วโบรกเกอร์จะเก็บค่าสเปรตจากการเทรดแต่ล่ะครั้งของเราซึ่งโบรกเกอร์ทั้งสองแบบก็เก็บค่าสเปรตเหมือนกันขึ้นอยู่กับว่าใครจะมากจะน้อย ส่วนที่ต่างกันของโบรกเกอร์แบบ STP และแบบ MM คือ โบรกเกอร์แบบ STP นั้น เวลานักเทรดอย่างเราเปิดคำสั่งซื้อขายทางโบรกเกอร์แบบ STP จะส่งคำสั่งต่อไปให้ Prime Brokers(ก็คือ Lehman Brothers, Merrill Lynch ฯลฯ)หรือธนาคารอีกทีหนึ่ง ซึ่งทางโบรเกอร์จะได้ค่าสเปรตแค่นั้น แต่โบรกเกอร์แบบ MM จะไม่ส่งคำสั่งซื้อขายต่อ แต่จะรับไว้เอง ซึ่งหมายความว่าถ้าเราได้เงินโบรกเกอร์แบบ MM จะเสียเงิน ถ้าเราเสียเงินโบรกเกอร์แบบ MM จะได้เงิน ท่านคงเห็นแล้วว่าเทรดเดอร์อย่างเรากับโบรกเกอร์คิดแบบสวนทางกันอยู่ ท่านคงเคยได้ยินว่าบางทีราคาวิ่งมาชน TP แล้วแต่ไม่รู้ทำไมมันไม่ปิดออเดอร์ให้หรือคำว่า ”เกิดอะไรขึ้น! จู่ๆ เส้นราคาเคลื่อนตัวมาแถวนี้ก็มาชนเส้น SL เฉยเลย” อะไรทำนองนี้
แต่โบรกเกอร์ STP นั้นเวลาเราเทรดเสียโบรกเกอร์ STP ก็จะไม่มีส่วนได้เสียกับเรา หรือเราเทรดได้ก็ไม่มีส่วนได้เสียกับเรา เพราะถ้าเทรดเดอร์อยู่ในตลาดได้โบรกเกอร์ STP ก็อยู่ได้ เพราะโบรกเกอร์ได้เงินจากค่า สเปรตที่เราเทรด และเมื่อนักเทรดอย่างเราเริ่มมีกำไรมากขึ้น เราก็จะเทรด Lot ที่ใหญ่ขึ้นโดยธรรมชาติดังนั้นโบรกเกอร์แบบ STP จะรักษาลูกค้าให้ได้นานที่สุดและจะทำให้ลูกค้าเทรดให้ได้กำไรมากที่สุด จากที่กล่าวมาท่านคงจะเห็นแล้วว่าเราควรเลือกโบรกเกอร์แบบไหนมาเทรดกับเรา
คำถามก็คือแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะ ว่าโบรกเกอร์ไหนเป็นโบรกเกอร์แบบ MM และแบบ STP เพราะโบรกเกอร์มีมากมายหลายโบรก บางโบรกก็ยอมเปิดเผยว่าดำเนินธุรกิจแบบ MM โมเดล แต่ก็ยังมีอีกหลายโบรกเกอร์ที่ไม่ยอมเปิดเผย ต่อไปเป็นคำแนะนำสามประการที่จะช่วยให้ท่านรู้จักโบรกเกอร์ได้มากขึ้น
ประการแรกถ้าเป็นไปได้ให้ท่านโทรไปหาโบรกเกอร์บ้าง ถามว่าสำนักงานใหญ่อยู่ไหน จากนั้นก็อาจจะขออนุญาตเข้าเยี่ยมชมสำนักงาน และให้สังเกตว่าท่านเห็นห้องซื้อขายหรือไม่ ถ้าท่านเจอเพียงห้องเดียวแสดงว่าโบรกเกอร์แห่งนี้ดำเนินธุรกิจแบบ MM โมเดล
ประการที่สองประสบการณ์ในการเปิดบัญชี โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะอนุญาตให้ท่านเปิดบัญชี 3 ประเภทคือ แบบมาตรฐาน มินิและไมโคร กรณีแรก ถ้าโบรกเกอร์ไม่ให้ตัวเลือกบัญชีมินิกับไมโคร โบรกเกอร์นี้ดำเนินธุรกิจแบบ MM โมเดล กรณีที่ 2 ถ้าโบรกเกอร์ต้องการให้คุณเปิดบัญชีแยกสำหรับการเทรดมาตรฐาน มินิ หรือไมโคร โบรกเกอร์รายนี้อาจจะกำลังดำเนินธุรกิจ MM โมเดล เหตุผลที่ต้องเปิดบัญชีแยกกันก็เพราะว่าแต่ละบัญชีอยู่บนเซิร์ฟเวอร์คนละตัว โดยปกติแล้วโบรกเกอร์เหล่านี้จะให้ความสนในผู้ถือบัญชีมาตรฐานมากกว่าเพราะนักลงทุนกลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มผลกำไรให้ได้มากกว่า
ประการที่สามการถอนทำได้ยาก สิ่งนี้เป็นสัญญาณบงบอกที่ดีที่สุด ถ้าท่านฝากเงินอย่างราบรื่นแต่ตอนถอนเงินมีอุปสรรค ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าโบรกเกอร์รายนี้จะดำเนินธุรกิจแบบ MM คือเป็นคู่สัญญาการเทรดของท่านโดยตรงถ้าท่านเทรดได้เขาก็ขาดทุน ถ้าคุณต้องเผชิญกับอุปสรรคในการถอนเงินส่วนที่เป็นกำไร นั้นหมายความว่าโบรกเกอร์กำลังมีปัญหากับกระแสเงินหมุนเวียนทั้งหมดในบริษัท นี่คือจุดที่คุณต้องระมัดระวังและควรถอนเงินทั้งหมดออกจากบัญชีถ้าทำได้