ตลาดหุ้นเอเชียเปิดการซื้อขายในวันนี้ (30 ก.ย.) โดยส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น จากแรงหนุนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากรัฐบาลจีน ซึ่งส่งผลให้ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตในตลาดหุ้นจีนและดัชนีฮั่งเส็งในตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตในตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 3,194.72 จุด เพิ่มขึ้น 107.19 จุด หรือ 3.47% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งในตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 21,175.41 จุด เพิ่มขึ้น 543.11 จุด หรือ +2.63% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นออสเตรเลียก็ปรับตัวบวกเช่นกัน โดยดัชนี S&P/ASX 200 เพิ่มขึ้น 0.62%

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นโตเกียวเปิดร่วงลงอย่างหนัก โดยดัชนีนิกเกอิปรับตัวลง 711.73 จุด หรือ -1.78% เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นอาจสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาด นอกจากนี้ ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ก็ปรับตัวลงเล็กน้อย 0.54%

ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศเมื่อวันที่ 29 ก.ย. ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านเดิมที่ยังผ่อนไม่หมด โดยธนาคารพาณิชย์จะต้องดำเนินการก่อนวันที่ 31 ต.ค. นี้ โดยอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับลดให้ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (LPR) อย่างน้อย 0.30% คาดว่าการปรับลดนี้จะทำให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่ยังผ่อนไม่หมดลดลงประมาณ 0.50% โดยเฉลี่ย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงซบเซา

ในขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นโตเกียวเปิดร่วงลงในวันนี้ หลังจากค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ สาเหตุหนึ่งมาจากการที่ ชิเงรุ อิชิบะ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่น ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) และเตรียมรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นในวันที่ 1 ต.ค. นี้ อิชิบะมีจุดยืนวิพากษ์วิจารณ์นโยบายกระตุ้นทางการเงินของญี่ปุ่น และสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลในหมู่นักลงทุน