เมื่อ IMF เตือน “สหรัฐ” เรื่องหนี้สาธารณะ ขาดดุลงบฯ และกีดกันการค้า

รัฐบาลสหรัฐโดนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนเรื่องหนี้สาธารณะ การขาดดุลงบประมาณ และการกีดกันทางการค้า เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ในรายงานการประเมินเสถียรภาพเศรษฐกิจสหรัฐประจำปี 2024 ของ IMF

ได้กล่าวถึงเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่โดดเด่นของเศรษฐกิจสหรัฐ และคาดว่าจะมีการเติบโตต่อไป อย่างไรก็ตาม IMF เตือนว่ามีบางประเด็นที่เร่งด่วนเกินกว่าจะเพิกเฉยได้ นั่นคือ “การขาดดุลการคลังที่มากเกินไป ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
“การเพิ่มข้อจำกัดทางการค้าอย่างต่อเนื่อง และมีความคืบหน้าไม่เพียงพอในการจัดการกับช่องโหว่ซึ่งถูกไฮไลต์โดยความล้มเหลวของธนาคารในปี 2023 ทั้งสองอย่างนี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านลบที่สำคัญ”
ในยุคที่อัตราดอกเบี้ยสูง สัญญาณเตือนภัยเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการคลังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐจะต้องใช้หนี้ด้วยต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น
เพื่อที่จะจัดการกับปัญหานี้ IMF ได้ผลักดันให้ผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐพยายามใช้จ่ายรายจ่ายที่ไม่จำเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มภาษีทางอ้อมและภาษีเงินได้ ซึ่งรวมถึงภาษีสำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 400,000 ดอลลาร์ต่อปี
นอกจากนั้น IMF แนะว่า ความขัดแย้งของพรรคการเมืองในเรื่อง “เพดานหนี้สาธารณะ” จำเป็นต้องยุติลง ไม่ให้เกิดกรณีเลวร้ายอย่างที่เกิดในปี 2023 ที่สหรัฐเกือบจะผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากเกิดความขัดแย้งเรื่องการขยายเพดานหนี้ ทำให้ไม่สามารถกู้เงินใหม่เพื่อชำระหนี้เดิมได้
“สิ่งเหล่านี้สร้างความเสี่ยงเชิงระบบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยสิ้นเชิง โดยการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาบันซึ่งควรได้รับการออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจได้ว่า เมื่อการจัดสรรงบประมาณได้รับการอนุมัติแล้ว จะมีการเพิ่มพื้นที่ว่างที่สอดคล้องกันเพิ่มเข้าไปในเพดานหนี้โดยอัตโนมัติ”
แต่ภัยคุกคามต่อเสถียรภาพทางการเงินไม่ได้จบเพียงแค่นั้น IMF เตือนว่า สหรัฐยัง “ขาดการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม” ในเรื่องการเสริมสร้างความปลอดภัยด้านการธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตช่วงสั้น ๆ ของปี 2023 ซึ่งเกิดจากความล้มเหลวของ “ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์” (Silicon Valley Bank)
IMF กล่าวว่า สหรัฐจำเป็นต้องดำเนินการกำกับดูแลธนาคารอย่างเข้มงวดมากขึ้น และลดจำนวนเงินฝากที่ไม่มีประกันลง
ทั้งนี้ แม้ว่า IMF ได้เสนอแนะถึงความจำเป็นที่สหรัฐจะต้องปฏิบัติตามข้อตกลง Basel III ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงินของคณะกรรมการด้านการกำกับดูแลสถาบันการเงินภาคการธนาคาร (Basel Committee on Banking Supervis
ion : BCBS) เพื่อดำเนินการกำกับดูแลธนาคารอย่างเข้มงวดมากขึ้น แต่ข้อเสนอดังกล่าวก็ไม่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมการธนาคาร
นอกจากนั้น IMF กล่าวว่า การกีดกันทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้นของรัฐบาลสหรัฐก็เป็นความเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งคำวิจารณ์นี้เกิดขึ้นไม่นาน หลังจากที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) ของสหรัฐ ขึ้นภาษีสินค้าจากจีน เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และก่อนหน้านั้น โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ก็ประกาศว่าจะใช้อัตราภาษีแบบทั่วถึงสำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมด ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างมหาศาล
“สหรัฐควรคลี่คลายอุปสรรคต่อการค้าเสรี และพยายามส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการลงทุนในการฝึกอบรมคนงาน โครงการพนักงานฝึกหัด และโครงสร้างพื้นฐาน” IMF แนะผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐ

 

คลิก

Cr.Bank’s Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"