ดาวโจนส์ปิดบวก 15.64 จุด จับตาดัชนี PCE, ดีเบตไบเดน vs ทรัมป์

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันพุธ (26 มิ.ย.) โดยการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) และก่อนที่จะมีการประชันวิสัยทัศน์รอบแรกระหว่างนายโจ ไบเดน

และนายโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อชิงคะแนนเสียงชาวอเมริกันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,127.80 จุด เพิ่มขึ้น 15.64 จุด หรือ +0.04%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,477.90 จุด เพิ่มขึ้น 8.60 จุด หรือ +0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,805.16 จุด เพิ่มขึ้น 87.50 จุด หรือ +0.49%
แซม สโตวอล หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนจากบริษัท CFRA กล่าวว่า นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย และรอดูการดีเบตเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ พร้อมกับจับตาข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการของสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนี PCE ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ แม้ว่าเฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ แต่นักลงทุนมองว่ามีโอกาส 56.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และคาดว่าจะปรับลดอีกครั้งก่อนสิ้นปี 2567
นักลงทุนจับตาการดีเบตยกแรกระหว่างนายโจ ไบเดน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในคืนวันพฤหัสบดี (27 มิ.ย.) เวลา 21.00 น.-22.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือช่วงเช้าวันศุกร์ (28 มิ.ย.) เวลา 08.00 น.-09.30 น.ตามเวลาไทย โดยสำนักข่าว CNN เป็นผู้จัดการดีเบตในครั้งนี้และจะมีการแพร่ภาพไปทั่วโลก ส่วนการดีเบตในรอบต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 10 ก.ย. และจัดโดยสถานีโทรทัศน์ ABC
มีการคาดการณ์ว่านายทรัมป์จะอภิปรายอย่างดุดันในศึกดีเบตยกแรกนี้ โดยจะโจมตีจุดอ่อนเรื่องอายุและสุขภาพของนายไบเดน รวมทั้งประเด็นเศรษฐกิจสหรัฐและการไหลทะลักของผู้อพยพตามแนวชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก ขณะที่นายไบเดนจะมุ่งเน้นโจมตีภาพลักษณ์ของนายทรัมป์ซึ่งกำลังมีคดีอยู่มากมาย รวมทั้งการที่นายทรัมป์เป็นแกนนำกลุ่มผู้สนับสนุนบุกรัฐสภาสหรัฐในเดือนม.ค. 2564 เพื่อประท้วงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2563
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 2% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ Rosenblatt ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นแอปเปิ้ลขึ้นสู่ระดับ "Buy" จากระดับ "Neutral" ขณะที่หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 4.8% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ Stifel ให้น้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเทสลาที่ระดับ "Buy"
หุ้นอินวิเดียดีดตัวขึ้น 0.25% โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อช่วงท้ายตลาด ขณะที่หุ้นอะเมซอน พุ่งขึ้น 3.90% ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปพุ่งขึ้นเหนือระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์ และทำให้อะเมซอนเป็นบริษัทจดทะเบียนรายที่ 5 ของสหรัฐที่มีมาร์เก็ตแคปสูงกว่าระดับดังกล่าว
หุ้นริเวียน (Rivian) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐ ทะยานขึ้น 23.24% หลังจากโฟล์คสวาเก้น (Volkswagen) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ของเยอรมนี ประกาศลงทุนในบริษัทริเวียนเป็นมูลค่าสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์
หุ้นเฟดเอ็กซ์ (FedEx) ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 15.53% หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์กำไรในปีงบการเงิน 2568 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มขนส่ง (Dow Jones Transport Index) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน
หุ้นธนาคารรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงมอร์แกน สแตนลีย์, ซิตี้กรุ๊ป และแบงก์ ออฟ อเมริกา ปิดตลาดอ่อนแรงลง ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ในภาคธนาคาร
โดย รัตนา พงศ์ทวิช

 

คลิก

Cr.Bank’s Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"