การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างต่อเนื่องและสูงเป็นประวัติการณ์ จนมาแตะระดับ 5.25-5.50% ในปัจจุบัน เพื่อกำราบเงินเฟ้อ กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่นักลงทุนให้ความสำคัญคอยติดตามอย่างไม่วางตาและพยายามทำนายแนวโน้มในอนาคตให้ได้เพื่อเป็นเข็มทิศในการลงทุน
เพราะว่าในฝั่งของตลาดหุ้น ดอกเบี้ยสูงหมายถึงความซบเซาของตลาดหุ้น ส่วนภาคธุรกิจดอกเบี้ยสูงคือการเพิ่มต้นทุนให้กับธุรกิจ
ปี 2023 นี้เฟดเหลือการประชุมอีกเพียงครั้งเดียวในเดือนธันวาคม ซึ่งส่วนใหญ่มองว่าเฟดน่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้อล่าสุดออกมาต่ำกว่าที่คาดและตลาดแรงงานลดความร้อนแรงลง อย่างไรก็ตามสิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจคือท่าทีของเฟดในปี 2024 มากกว่า
ในรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2024 จัดทำโดยยูบีเอสระบุว่า ในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้า คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวอย่างมาก หลังจากเติบโตคึกคักในปี 2023 อันจะทำให้ยอดขายค้าปลีกลดลง ผู้บริโภคมีเงินน้อยลง และอัตราว่างงานจะสูงขึ้น เชื่อว่าตลอดปี 2024 จีดีพีสหรัฐจะเติบโตเพียง 0.3% เทียบกับ 3% ในปี 2023 โดยที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยในไตรมาส 2 และ 3 ของปี 2024
“เศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อที่จะเริ่มลดลงมากเป็นพิเศษ ทำให้เราคาดว่าช่วงครึ่งหลังของปี 2024 เฟดจะเปลี่ยนนโยบายไปสู่โหมด ‘เอื้ออำนวยเศรษฐกิจอย่างเต็มที่’ ด้วยการลดดอกเบี้ยลง 2.75% ทำให้ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับ 2.50-2.75% โดยจะเริ่มลดตั้งแต่เดือนมีนาคม”
ยูบีเอสอ้างว่า สาเหตุที่จะทำให้เฟดต้องลดดอกเบี้ยลงมากเป็นเพราะตลอดปี 2024 เงินเฟ้อจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เฟดมั่นใจว่าสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้แล้ว ประกอบกับจะขาดแรงสนับสนุนด้านมาตรการการคลังจากรัฐบาล จะผลักดันให้เฟดต้องลดดอกเบี้ย เพราะหากดูประวัติศาสตร์ เมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลขาดดุลงบประมาณสูง และกำลังจะมีการเลือกตั้งในอีกไม่นาน รวมทั้งเกิดการแตกแยกกันในทางการเมือง เป็นสิ่งสะท้อนว่ามีโอกาสน้อยที่จะมีการใช้มาตรการการคลังเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ
ทั้งนี้คาดการณ์ของยูบีเอสเรื่องอัตราดอกเบี้ย ถือว่ามากกว่าตลาดส่วนใหญ่ประเมิน ที่เชื่อว่าเฟดน่าจะหั่นดอกเบี้ยเพียง 0.75% ทำให้ดอกเบี้ยปี 2024 จะอยู่ที่ 4.50-4.75%
อย่างไรก็ตามในมุมมองของทีมนักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซกส์ ทำนายว่า เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยราวไตรมาส 4 ปี 2024 เพราะเศรษฐกิจที่เติบโตแข็งแกร่งกว่าที่คาดจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการถดถอย จะเห็นว่าจนถึงตอนนี้เศรษฐกิจสามารถรอดพ้นการถดถอยได้และเดินหน้าสู่การชะลอตัวแตะพื้นอย่างนุ่มนวล
หากดูค่าเฉลี่ยจากประวัติศาสตร์ มีโอกาสเพียง 15% ที่เศรษฐกิจจะถดถอยในระยะ 12 เดือนข้างหน้า เราเชื่อว่าจีดีพีจะขยายตัว 2.1% ในปี 2024”
โกลด์แมน แซกส์ ชี้ด้วยว่า การใช้นโยบายการเงินและการคลังแบบเข้มงวดสุด ๆ น่าจะผ่านพ้นไปแล้ว เพราะมองเห็นได้ว่าในภาวะปัจจุบันการดึงเงินเฟ้อลงตามเป้าหมายมีความเป็นไปได้ ส่วนที่ยากที่สุดในการต่อสู้เงินเฟ้อดูเหมือนจะผ่านพ้นไปแล้ว เราเชื่อว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในไตรมาส 4 ปี 2024 ทันทีที่เงินเฟ้อแตะ 2.5%
โกลด์แมนฯประเมินว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยไตรมาสละ 0.25% ไปจนถึงไตรมาส 2 ปี 2026 ทำให้ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับ 3.5-3.75% อย่างไรก็ตามการประเมินของโกลด์แมนฯสวนทางกับบรรดาเทรดเดอร์ที่คาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยกลางปี 2024 เช่นเดียวกับมอร์แกน สแตนลีย์ ที่เชื่อว่า เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรก 0.25% ในเดือนมิถุนายน จากนั้นก็จะลดอีก 3 ครั้งในปีเดียวกัน ส่วนปี 2025 จะมีการลดดอกเบี้ยทุกครั้งที่มีการประชุม
ทางด้านผลสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนโดยแบงก์ ออฟ อเมริกา พบว่า นักลงทุน 80% มีความมั่นใจว่าผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ปี 2024 จะลดลง ถือว่าเป็นระดับความมั่นใจสูงที่สุดเท่าที่สำรวจมา หากบอนด์ยีลด์ลดลงจริงก็จะเป็นตัวกระตุ้นตลาดหุ้นให้คึกคัก
คอลัมน์ : ชีพจรเศรษฐกิจโลก
ผู้เขียน : นงนุช สิงหเดชะ
Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
Cr.Bank’s Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you