นโยบายเงินดิจิทัลเป็นเรื่องถกเถียงตลาดหุ้นย่อมต้องมองและวิเคราะห์ด้วยว่าหากเกิดขึ้นได้จริงหุ้นไหนได้ประโยชน์ ด้วยจำนวนเงิน 5.6 แสนล้านบาท การดำเนินการโครงสร้างเพื่อรองรับเป็นการตั้งต้นสำหรับนโยบายอื่นเหมือนเกิดขึ้นกับ แจ้งเกิดแอปฯ “เป๋าตัง” แล้ว
นายกรมต. “เศรษฐา ทวีสิน” แถลงนโยบายต่อรัฐสภา 11-12 ก.ย. ประกอบไปด้วยนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญ 1.นโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ระบุจะดำเนินการภายในไตรมาส 1 ปี 2567 2. นโยบายแก้ปัญหาหนี้สินทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน 3. นโยบายการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในทันที
รวมทั้งปรับเปลี่ยนโครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศ 4. นโยบายผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานให้กับประชาชน และ 5. นโยบายแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560
หากแต่ที่ถูกจี้ถามและเป็นประเด็นมากที่สุด “เงินดิจิทัล 10,000 บาท” นำเงินจากที่ไหนมาใช้จ่าย เพราะด้วยเม็ดดังลก่าวจะกลายเป็นการเพิ่มหนี้-ภาระต้นทุนให้กับกระทรวงการคลังในอนาคต ทำให้มีการโยงไปยังโครงสร้างของนโยบายดังกล่าว
โดยทางเลือกที่มีการเสนอมาคือการใช้ “บล็อกเชน” เพื่อดำเนินการเสมือนเงินให้ใช้จ่ายระยะทางที่กำหนด ซึ่งจำเป็นจำจะต้องมีสินทรัพย์หรือเงินเป็นแบ็คอัพเพื่อดำเนินการ จนมีการเสนอหลายหลายแนวทางทั้ง "เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ " รวมไปถึงเงินจาก "กองทุนภายุภักษ์"
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส วิเคราะห์คาดการณ์ความเป็นไปได้แนวทางดังกล่าวกระทรวงการคลังอาจลดสัดส่วนการถือหน่วยลงทุนในกองทุนวายุภักษ์ให้กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และสำนักงานประกันสังคม ซึ่งสามารถทำได้ และได้เงินระยะสั้นปริมาณมาก รวมถึงตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากความผันผวนจากประเด็นดังกล่าวจำกัด
เนื่องจากกองทุนวายุภักษ์เป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่สุดในประเทศไทย โดยล่าสุดกองทุนวายุภักษ์มีมูลค่าพอร์ตอยู่ที่ 3.47 แสนล้านบาท รองรับเงินที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายได้พอสมควร
ส่วนกองทุนประกันสังคม มีเงินในพอร์ตลงทุนสิ้นปี 2565 ที่ 2.27 ล้านล้านบาท เป็นสัดส่วนหุ้นไทย 11.05% หรือราว 2.51 แสนล้านบาท และกบข.มีเงินในพอร์ตลงทุน ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2566 ที่ 4.65 ล้านล้านบาท เป็นสัดส่วนหุ้นไทย 4.28% หรือ 2 หมื่นล้านบาท (ในอดีตถือหุ้นไทยราว 7% ของพอร์ตรวม)
บรรดาหุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ต่างหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆ กันเพราะเมื่อยังไม่มีความชัดเจนอะไรก็เกิดขึ้นได้ !!
เมื่อดูพอร์ตของกองทุนดังกล่าว ที่มีการกระจายลงทุนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้น -หน่วยลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน -หุ้นกู้ -เงินฝากธนาคาร -ตั๋วเงินคลัง และพันธบัตร แต่สัดส่วนใหญ่สุดคือหุ้นสามัญในตลาดหุ้นไทย 90 %
ณ ก.ค. 2566 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ตามหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินในสัดส่วน 100% มีมูลค่า 330,163 ล้านบาท อิงกับมูลค่าตามราคาตลาด หรือ มาร์เก็ตแคป จากจำนวนหุ้นถือทั้งหทมด 69 หลักทรัพย์
โดยหุ้นที่ถือตามมูลค่าสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบไปด้วย หุ้น PTT สัดส่วน 35.3 % ซึ่งมีมูลค่ามาร์เก็ตแคป อยู่ที่ 999,704 ล้านบาท ,ตามมาด้วย SCB สัดส่วน 25.6% มูลค่า390,584 ล้านบาท
TTB สัดส่วน 5% มูลค่า 167,577 ล้านบาท , KTB สัดส่วน 3.6% มูลค่า 269,737 ล้านบาท และ BCP สัดส่วน 3% มูลค่า 52,323 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีหุ้นในกลุ่ม SET 50 อีกจำนวนมากที่กองทุนฯถือลงทุน เช่น AOT –ADVANC –SCC –BDMS –ESSO –BBL –KBANK เป็นต้น
หากนโยบายดังกล่าวจำเป็นต้องใช้สินทรัพย์จากกองทุน ฯ ย่อมมีอิทธิพลและสร้างความผันผวนต่อราคาหุ้นและตลาดหุ้นไทยทันที ซึ่งแน่นอนว่านักลงทุนในตลาดหุ้นไทยย่อมมองเรื่องดังกล่าวจะมีผลกับการลงทุนเช่นเดียวกัน
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
Cr.Bank’s Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you