ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กลับมาอยู่ในบทสนทนาอีกครั้ง นักวิเคราะห์ต่างระบุว่าเอเชียเป็นทวีปที่มีความโดดเด่นมากที่สุด โดยเป็นภูมิภาคที่น่าจับตา และอาจเห็นการขยายตัวที่สูงกว่าตลาดอื่น ๆ ในโลก
หากมองอย่างผิวเผิน ตลาดหุ้นในเอเชียโดยรวมจะมีการปรับตัวสูงขึ้นที่ไม่มากนักตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานี้ เมื่อเทียบกับตลาดอย่างในสหรัฐอเมริกา และยุโรป โดยดัชนี MSCI International All Country Asia Pacific เพิ่มขึ้น 4.71% ในปีนี้ ในขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Euro Stoxx 600 ปรับตัวสูงขึ้น 13.25% และ 6.65% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ประเทศในเอเชียนั้นมีเศรษฐกิจที่กระจายออกเป็นหลายรูปแบบ ซึ่งมากกว่าในยุโรป หรืออเมริกา ซึ่งขณะนี้ยังมีจุดเด่นเหลืออยู่ โดยเฉพาะในญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ตัวเลขที่อ้างอิงจากฐานข้อมูลของ Refinitiv ระบุให้เห็นว่า ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นนั้นทะยานสูงขึ้นถึง 25.63% ตั้งแต่ต้นปีนี้ รองลงมาคือดัชนี TAIEX ของไต้หวันที่บวกได้ 20.18% และดัชนี Kospi ที่ปรับขึ้น 15.01% ในขณะที่ SET Index ของไทยนั้นรั้งอันดับท้าย โดยติดลบ 9.64% และถัดมาคือดัชนี FTSE Malaysia KLCI ที่ลดลง 7.12%
เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ โนมูระกล่าวว่า เอเชียมีแนวโน้มสูงที่จะ “Outperform” ในระยะกลางท่ามกลางคาดการณ์การชะลอตัวของการเติบโตเศรษฐกิจโลก และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของวัฏจักร ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มมองหาโอกาสใหม่ ๆ ด้วยการลงทุนในเศรษฐกิจที่มีคุณภาพทางพื้นฐานที่ดี
โนมูระยังระบุว่า เศรษฐกิจในเอเชียสามารถหลีกเลี่ยงการทำ QE ขนาดใหญ่ได้ ทำให้ภูมิภาคเอเชียยังอยู่ในสภาพที่ดีกว่าในเรื่องความยั่งยืนของงบประมาณ ความท้าทายของอัตราเงินเฟ้อ และคุณภาพของระบบการเงิน
ถึงแม้ว่านักวิเคราะห์จากโนมูระจะคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียจะยังสามารถอยู่เหนือตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ได้ และรวมถึงประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน โดยมีอินเดีย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่คาดว่าจะเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจมากที่สุดในทศวรรษนี้
นอกจากโนมูระแล้ว Daniela Gombert ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์จากบริษัทบริหารสินทรัพย์ DWS ยังมีมุมมองที่เหมือนกัน โดยระบุว่าในช่วง 12 เดือนข้างหน้านี้ ตลาดหุ้นเอเชีย และยุโรปมีแนวโน้มที่ดีกว่าสหรัฐฯ
Gombert ยังกล่าวต่อว่า การเปิดประเทศของจีน และตัวเลขนักท่องเที่ยวที่กลับมาจะเป็นผลดีต่อญี่ปุ่น พร้อมกันนั้นยังมองว่าตลาดมีความน่าสนใจ แม้จะวิ่งรับมาก่อนแล้วระยะหนึ่ง นอกจากนั้นแล้วผู้ว่าแบงก์ชาติญี่ปุ่นคนใหม่ นายคาซุโอะ อุเอดะ ก็กำลังเฝ้ามองนโยบายการเงินอย่างใกล้ชิด โดยหลายฝ่ายมองว่าเขาจะเป็นผู้ที่นำอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นออกจากความผ่อนคลายอย่างที่เป็นอยู่ แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ตามตั้งแต่เขาขึ้นมารับตำแหน่ง
ด้านมอร์แกน สแตนลีย์ มองว่าอัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศของเอเชียผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว จะเห็นได้จากธนาคารส่วนมากในภูมิภาคเริ่มหยุดการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ในขณะที่สหรัฐฯ ยังอาจเหลือการขึ้นอีกถึง 0.50% ภายในปีนี้ และภาวะเงินฝืดก็อยู่ไม่ไกลแล้ว ทำให้ธนาคารกลางในเอเชียนั้นจะสามารถเริ่มหั่นอัตราดอกเบี้ยได้ก่อนธนาคารกลางสหรัฐ โดยคาดว่าอินโนนีเซียจะอยู่ในกลุ่มแรก ๆ ที่เริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสที่สี่ของปีนี้
Source - ข่าวหุ้น
เพิ่มเติม
- A.I., rate cuts and Japan’s rebound: Asia stocks are looking ‘much more promising’ than U.S. peers :
Cr.Bank’s Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านารเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you