GDP ที่ได้ยินอยู่บ่อยๆ เป็นตัวบ่งบอกถึงความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ถ้าประเทศใดมีตัวเลข GDP สูง สูงจนติดอันดับ Top 10 นั่นหมายความว่า เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก สำหรับไทย
อยู่ในอันดับที่ 28 มูลค่า GDP อยู่ที่เท่าไหร่ มาดูกัน!
ที่หยิบยกเรื่อง GDP มาให้ดู เพราะเป็นตัวเลขที่สามารถย้อนกลับไปมองได้ว่า ประเทศนั้นๆ มีศักยภาพด้านใด ให้ความสำคัญเรื่องใด ประชากรมีความสามารถด้านใด รวมถึงขีดความสามารถด้านการแข่งขันทางการค้า และการพัฒนาด้านเทคโนโลยีก้าวหน้ามากเพียงใด แต่ในที่นี้ อยากให้เข้าใจเรื่อง GDP และความสำคัญของ GDP Per Capita กันก่อน
ปูพื้นฐานเกี่ยวกับ GDP
GDP ย่อมาจาก Gross Domestic Product คือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หมายถึง การนับรายได้ทั้งหมดของทุกสัญชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ประกอบไปด้วย
C = การบริโภคของเอกชนและประชาชน
I = การลงทุนของเอกชนในกิจกรรมต่างๆ
G = การใช้จ่ายของรัฐบาล
X = การส่งออก
M = การนำเข้า
เขียนเป็นสมการได้ว่า GDP = C + I + G + (X - M)
สำหรับรายได้ทั้งหมดที่ใช้คำนวณเป็น GDP มาจากการหมุนเวียนของรายรับและรายจ่าย ทั้งภาคครัวเรือน (หรือประชาชน) ภาคเอกชน ไปจนถึงภาครัฐบาล ดังนี้
เมื่อประชาชนทำงาน มีรายได้ มีเงินใช้จ่าย ก็ซื้อสินค้า บริการ และจ่ายภาษีให้แก่รัฐ
ภาคเอกชนมีรายได้จากประชาชน มีรายจ่ายเพื่อทำธุรกิจและจ่ายภาษีให้แก่รัฐ
ภาครัฐบาลมีรายได้จากภาษีและมีรายจ่ายในการสนับสนุนกิจกรรมของประชาชนและเอกชนต่อ
และจากสมการด้านบน ถ้าคำนวณออกมาแล้ว ค่า GDP เป็นบวก แปลว่า เศรษฐกิจโดยรวมภายในประเทศมีการเติบโต มีเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น แต่อาจต้องระวังเรื่องอัตราเงินเฟ้อ เพราะจะทำให้สินค้าและบริการมีราคาสูงขึ้น เมื่อสินค้าแพงขึ้น ประชาชนก็จะชะลอการใช้จ่าย
แต่หาก GDP เป็นลบ นั่นหมายความว่า ภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว เงินหมุนเวียนในประเทศลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจภายในประเทศขาดสภาพคล่อง ภาครัฐจึงต้องนำงบประมาณออกมาพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดหนัก
เว็บไซต์ VisualCapitalist.com เผยแพร่ข้อมูล The $100 Trillion Global Economy in One Chart หรือ เศรษฐกิจโลก 100 ล้านล้านดอลลาร์ในภาพเดียว โดยจัดอันดับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศมากที่สุด ตามลำดับ (ณ เดือนเมษายน 2565) จากทั้งหมดเกือบ 190 ประเทศ โดยประเทศที่มีขนาด GDP นำมาเป็น 10 อันดับแรก ได้แก่
1 สหรัฐอเมริกา 25.3 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 965 ล้านล้านบาท)
2 จีน 19.9 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 759 ล้านล้านบาท)
3 ญี่ปุ่น 4.9 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 187 ล้านล้านบาท)
4 เยอรมนี 4.3 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 164 ล้านล้านบาท)
5 สหราชอาณาจักร 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 129 ล้านล้านบาท)
6 อินเดีย 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 125 ล้านล้านบาท)
7 ฝรั่งเศส 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 110 ล้านล้านบาท)
8 แคนาดา 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 83 ล้านล้านบาท)
9 อิตาลี 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 80 ล้านล้านบาท)
10 บราซิล 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 68 ล้านล้านบาท)
รู้เพิ่มอีกนิดจาก 10 อันดับแรก
IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะมีมูลค่าเกือบ 104 ล้านล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2565
ขนาดเศรษฐกิจของ สหรัฐอเมริกา ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 1871 หากนับถึงปี 2022 ถือว่าครองอันดับหนึ่งต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 151
คาดการณ์ว่า ขนาดเศรษฐกิจจีน จะใหญ่จนแซงสหรัฐอเมริกาได้ภายในปี 2030
ไอร์แลนด์ เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในกลุ่มยูโรโซน
หากสังเกตประเทศที่มี GDP ขนาดใหญ่ (ไม่ใช่แค่ 10 อันดับ) กับประเทศที่ได้เป็นอันดับต้นๆ ของ ดัชนี้นวัตกรรมโลก หรือ GII 2022 (Global Innovation Index) มีความสอดคล้องประการหนึ่ง คือ เป็นประเทศที่ส่งเสริมด้าน R&D สนับสนุนการสร้างนวัตกรรม พัฒนาเทคโนโลยีจนโดดเด่นในเวทีโลก
ถึงแม้ว่าตัวเลข GDP ในระดับโลกมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้น แต่การฟื้นตัวหลังเกิดโควิด-19 นั้น ทำให้ผู้คนตึงเครียดกันถ้วนหน้า เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลให้เกิดปัญหาคอขวดของห่วงโซ่อุปทาน อัตราเงินเฟ้อก็สูงจนน่าตกใจ กระเทือนถึงอัตราการเติบโตของ GDP ทั่วโลกในปี 2022 จากเดิมที่ IMF คาดการณ์ว่าจะโต 4.4% จึงถูกปรับลดเป็น 3.6%
และอีกไม่นาน GDP ของภูมิภาคที่คาดว่าจะเติบโตจนแซง GDP โลก คือ ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ เนื่องจากสภาวะสงครามทำให้ห่วงโซ่อุปทานของน้ำมันขาดไป ความต้องการทำให้ราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้น หลายประเทศต้องหันไปอุดหนุนน้ำมันจาก อิรัก และ ซาอุดิอาระเบีย ด้วยเหตุนี้ GDP ของภูมิภาคดังกล่าวจึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นถึง 5% ภายในสิ้นปี 2022
ประเทศไทยอยู่ตรงไหนของ GDP โลก?
ถ้าดู GDP ประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับ 28 ของโลก ด้วยมูลค่า 522 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 19.8 ล้านล้านบาท ใกล้เคียงกับ อิสราเอล ที่ตามมาติดๆ ในอันดับ 29 ด้วยมูลค่า GDP 521 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 19.7 ล้านล้านบาท
ตรงนี้ไม่สนใจไม่ได้ เพราะตัวเลข GDP ไทยกับอิสราเอลใกล้เคียงกันมาก แต่จำนวนประชากรต่างกันลิบ! กล่าวคือ ไทยมี GDP 19.8 ล้านล้านบาท มีประชากร 70 ล้านคน อิสราเอลมี GDP 19.7 ล้านล้านบาท มีประชากร 8.9 ล้านคน ถ้านำ GDP ของแต่ละประเทศมาหารจำนวนประชากร เรียกว่า GDP Per Capita หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัว (GDP ต่อหัว) ตัวเลขที่ได้นั้นบ่งบอกว่า ประชากรคนหนึ่งสามารถสร้างมูลค่า GDP ให้ประเทศได้เท่าไหร่
เมื่อคำนวณดูแล้ว GDP ต่อหัวของคนไทยอยู่ที่ราว 282,857 บาท ขณะที่ GDP ต่อหัวของคนอิสราเอลอยู่ที่ราว 2,213,483 บาท - เห็นหรือไม่ว่า คนไทยกับคนอิสราเอลสามารถสร้างมูลค่า GDP ให้ประเทศต่างกันถึง 10 เท่า!
ขนาด GDP ไทย 522 พันล้านดอลลาร์ (19.8 ล้านล้านบาท) เทียบได้กับ...
สงครามระหว่างรัสเซีย - ยูเครน ที่ขยายตัว ยืดเยื้อ รุนแรง และลุกลามสู่สงครามน้ำมัน สงครามค่าเงิน และเป็นอุปสรรคสำคัญของภาคการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน แต่ในวิกฤตกลับเป็นโอกาสของจีน เนื่องจากประเทศในสหภาพยุโรปขาดแคลนพลังงานจากรัสเซีย หลายสิ่งหลายอย่างจึงต้องนำเข้าจากจีน รวมมูลค่ากว่า 522 พันล้านดอลลาร์ (ข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2022)
byPHATPHICHA LERKSIRINUKUL
Source: Springnews
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านารเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you