“ธนาคารกลางจีน” ไม่เพียงเข้าอุ้มเงินหยวนที่เทรดคู่กับสกุลเงิน "ดอลลาร์" เท่านั้น แต่ยังเข้าแทรกแซงเงินหยวนที่ซื้อขายคู่กับค่าเงินอีก 23 ประเทศ เช่น ยูโร เยน และปอนด์ ท่ามกลาง "แรงขายหยวน" จำนวนมากเพราะเศรษฐกิจปั่นป่วน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (13 ก.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นปานกลางในเดือนส.ค. ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
SCB EIC ปรับเป้าเศรษฐกิจไทยปีนี้โตเหลือแค่ 3.1% ขณะเดียวกันก็กังวลหนี้สาธารณะในระยะยาวเกิน 70% ต่อ GDP ขณะเดียวกันมองว่ามาตรการ Digital Wallet นั้นจะกระตุ้นเศรษฐกิจแค่ระยะสั้น แต่ระยะยาวไทยจะต้องมีการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจในเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขัน
นโยบายเงินดิจิทัลเป็นเรื่องถกเถียงตลาดหุ้นย่อมต้องมองและวิเคราะห์ด้วยว่าหากเกิดขึ้นได้จริงหุ้นไหนได้ประโยชน์ ด้วยจำนวนเงิน 5.6 แสนล้านบาท การดำเนินการโครงสร้างเพื่อรองรับเป็นการตั้งต้นสำหรับนโยบายอื่นเหมือนเกิดขึ้นกับ แจ้งเกิดแอปฯ “เป๋าตัง” แล้ว
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2566 เวลา 15.36 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แหล่งข่าวระบุว่า Country Garden บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชนรายใหญ่ที่สุดของจีน ได้รับการอนุมัติจากเจ้าหนี้ให้ขยายเวลาการชำระคืนพันธบัตร 6 ชุด ออกไป 3 ปี จากข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นมากถึง 10%
"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"