เรื่องของ “ดอยช์แบงค์” นั้นมีหลายเรื่องราวมุมมองที่น่าสงสัยและแปลกประหลาด นอกเหนือจากเรื่องที่ว่า ธนาคารเก่าแก่ที่ตั้งมาตั้งแต่ปี 1870 นั้นถือครองขยะตราสารอนุพันธ์มากมายที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลาด้วยปริมาณที่มาก
ดอยช์แบงก์มีความเสี่ยงจากการลงทุนตราสารอนุพันธ์โลกที่มีจำนวนมหาศาลถึง 64 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 80% ของจีดีพีโลกที่มีอยู่ 78 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 5 เท่าของจีดีพีกลุ่มยูโรโซน หรือเท่ากับ 16 เท่าของจีดีพีประเทศเยอรมนี
... ส่งผลให้ราคาหุ้นดอยช์แบงก์ดิ่งลงเรื่อยๆ และทำให้วงการธนาคารหุ้นตก ฉุดแขนดึงขาพาเพื่อนลงเหวด้วย และรอวันระเบิดการเงินแตก แม้ว่าทางดอยช์แบงค์พยายามจะแก้ปัญหาลดรายจ่ายโดยการลดจำนวนพนักงานลดลงเกือบเจ็ดพันคนก็ตาม ( ที่ดีกว่าอเมริกาที่อเมริกาเอาเงินภาษีของคนทั่วไป ไปอุดหนุนซื้อหุ้นเน่าของธนาคารและวาณิชธนกิจในนามของ QE โดยที่องค์กรเหล่านั้นไม่ได้ปรับเปลี่ยนแก้ไขนิสัย สันดานขององค์กรเลย ยังคงเล่นเกมเก็งกำไรแบบภาษีน้อยมาก กันต่อไป )
... เช่นว่า “ดอยช์แบงก์” ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นกับการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากรัสเซียอย่างผิดกฎหมาย ที่เข้าข่าย “การฟอกเงินข้ามชาติ”ในระหว่างปี 2012 – 2014 จำนวนกว่า หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้โดนเจ้าหน้าที่ของอังกฤษและอเมริกา คิดค่าปรับรวมเป็นจำนวนเงิน 629 ล้านดอลล่าร์ โดยองค์กรที่ตัดสินว่าพวกเขามีความผิดนั้นคือ NYDFS หรือ New York State Department of Financial Services ที่องค์กรนี้เป็นองค์ใหม่ตั้งขึ้นเมื่อ 2011 แต่กลับมีอำนาจในการเล่นงานย้อนหลังองค์กรการเงินทั่วโลกมากมาย โดยองค์กรนี้อ้างว่าตั้งขึ้นเพื่อจะควบคุมระบบการเงินแบบใหม่ รวมทั้งการตรวจสอบสินค้าและบริการทางการเงินใหม่ ๆ ที่กำลังแพร่หลาย
... หน้าฉากนั้นเหตุผลในการก่อตั้งสวยงามมาก คือ “การส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมการเงินในนิวยอร์กและกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐผ่านทางระเบียบที่เหมาะสมและการกำกับดูแลอย่างรอบคอบ ประกันความสามารถในความสามารถในการจ่ายคืนทางการเงินอย่างปลอดภัยความถูกต้องและความรอบคอบของผู้ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ให้การปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินของผู้ให้บริการดังกล่าวอย่างเป็นธรรมทันเวลาและเป็นธรรม ปกป้องผู้ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินจากผู้ให้บริการทางการเงินที่บกพร่องหรือล้มละลายของบริการดังกล่าว ส่งเสริมให้เกิดมาตรฐานความซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใสการดำเนินธุรกิจอย่างยุติธรรมและความรับผิดชอบต่อสาธารณะ กำจัดการฉ้อโกงทางการเงินการล่วงละเมิดทางอาญาและพฤติกรรมผิดจรรยาบรรณในอุตสาหกรรม”
... เมื่อ 5 พฤศจิกายน 2015, ดอยช์แบงค์ , ถูกสั่ง ให้จ่ายค่าปรับ จากหน่วยงาน NYDFS หรือ New York State Department of Financial Services และธนาคารกลางอเมริกา หรือ the United States Federal Reserve Bank เป็นเงิน 258 ล้านดอลล่าร์ โดยจ่ายให้ NYDFS เป็นเงิน 200 ล้านดอลล่าร์และให้ธนาคารกลางอเมริกา 58 ล้านดอลล่าร์ หลังจากพบว่าธนาคารได้มีการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับประเทศ ลิเบีย อิหร่าน ซีเรีย พม่า ซูดาน เพราะไปฝ่าฝืนกับกฎหมายการคว่ำบาตรของ “อเมริกา” ต่อประเทศเหล่านั้น ( เป็นเรื่องตลกและมาเฟียมาก เพราะกฎหมายของประเทศเดียว แต่ไปมีผลบกระทบต่อประเทศอื่นๆได้ ) โดยอ้างว่าธนาคารนี้ได้หลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรจากอเมริกาจากช่วงปี 1999 ถึงปี 2006 “สามารถเล่นงานย้อนหลังได้ด้วย ทั้งที่กjอตั้งมาในปี 2011” โดยในตอนนั้นดอยช์แบงค์ได้ไล่พนักงานออก 6 คน รวมทั้งห้ามพนักงานอีกสามคนในการไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินที่มีฐานในอเมริกา
... นอกจากนั้นดอยช์แบงค์ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนคดีที่พวกเขาฝ่าฝืนกฏหมายการคว่ำบาตรของอเมริกา ในยูเครน ที่เกี่ยวข้องกับการเงินของรัสเซียในระหว่างปี 2014 – 2015
... ย้ำอีกครั้งว่าองค์กร NYDFS หรือ New York State Department of Financial Services นั้นก่อตั้งในปี 2011 หลังการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวไปแล้วหลายปี แต่กฏหมายให้อำนาจย้อนหลังไปเล่นงานธนาคารประเทศอื่นได้ “องค์กรนี้เป็นแขนขาโดยตรงของรัฐบาลอเมริกา” และสามารถแทรกแซงสถาบันการเงินต่างๆของทั่วโลกได้โดยตรงที่ไปทำธุรกรรมเกี่ยวข้องกับพวกเขา
... ยิ่งกว่านั้น ยังไม่ตายสมใจพวกเขา ดอยช์แบงค์ยังโดนปรับอีกในเดือนมกราคม ปี 2017 ที่โดนฟ้องและปรับจาก U.S. Department of Justice หน่วยงานของอเมริกาอีกแล้วว่าเป็นผู้ที่ขายตราสารที่เป็นพิษที่นำไปสู่การเกิดวิกฤติการเงินในปี 2008 ( เหมือนดอยช์แบงค์เป็นแพะรับบาป และเอาเงินค่าปรับไปช่วยระบบเงินอเมริกา ) คือ เป็นเงิน 7.2 พันล้านดอลล่าร์ โดย 3.1 พันล้านจ่ายค่าปรับให้กับผู้ฟ้อง และอีก 4.1 จ่ายชดเชยให้กับผู้ซื้อตราสารที่เสียหาย
... แต่ในเดือนสิงหาคม ปี 2013 พวกเขาได้ออกหมายศาลเพื่อจะตรวจสอบสถาบันการเงินที่เกี่ยวกับบิตคอยน์ ที่ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ต่างจากกรณีที่เกี่ยวข้องกับ รัสเซีย อิหร่าน ลิเบีย ซีเรีย , รวมทั้งเรื่องที่ดอยช์แบงค์ได้ปล่อยเงินกู้ให้กับทรัมป์ประธานาธิบดีอเมริการวมทั้งคนใกล้ชิดเช่น Ivanka Trump และ Jared Kushner ลูกสาว ลูกเขยและครอบครัวลูกเขยมากมายกว่า 360 ล้านดอลล่าร์ด้วย
... ยังไม่นับการห้ามทำธุรกรรมทางการเงินกับ “รัสเซียกับอิหร่าน” อีก ทำให้ดูเหมือนว่า ดอยช์แบงค์และธนาคารยุโรปอีกมากมายกำลังถูกทำลายอย่างช้าๆ เพื่อว่าธนาคารและสถาบันการเงินจากฝั่งอเมริกาและอังกฤษสามารถมาซื้อและมีอิทธิพลต่อพวกเขาได้อีกต่อไป และจะมีผลยาวไปกับอิทธิพลทางการเมืองในนาโต้ ยุโรปต่อไปอีกนาน และสามารถควบคุมสั่งการซ้ายหันขวาหันยุโรปตามนโยบายตัวเองต่อไป
... ที่ผ่านมานั้น “ดอยช์แบงค์” ถูกฟ้องและโดนปรับมากมายหลายกรณี ทำให้ต้องเสียค่าปรับมากมายดังกล่าวและทำให้สถานการณ์การเงินของดอยช์แบงค์ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ และถ้าดอยช์แบงค์ล้มลงแบบเลห์แมน บราเธอร์ ก็จะพาเพื่อนๆดิ่งลงเหว เป็นวิกฤติการเงินที่หนักกว่าเดิม และยิ่งจะทำให้อเมริกา อังกฤษ แทรกแซงการเงิน ครอบครองการเงินของยุโรปได้ง่ายขึ้น ในท้ายที่สุด
... ตอนนี้กำลังจะมีการประชุมนาโต้ ระหว่างประเทศในยุโรปกับอเมริกา ที่ทางทรัมป์ได้ตีปลาหน้าไซ ออกข่าวล่วงหน้าว่ายุโรปนั้นอยู่ใต้อิทธิพลของ “รัสเซีย” มากเกินไป เหมือนเป็นการออกข่าวสกัดไม่ให้พวกเขาลดบทบาทของอเมริกาในนาโต้ และต้องการบีบให้พวกเขาจ่ายเงินค่าคุ้มครองให้อเมริกาได้ประมาณ 2%ของจีดีพีต่อไป
... “ถ้าควบคุมธนาคารและการเงินประเทศนั้นได้ ก็ควบคุมประเทศเหล่านั้นได้”
.
.
... The purpose of consolidating the agencies and creating the Department of Financial Services was to modernize regulation by allowing the agency to oversee a broader array of financial products and services.[2]
.
... 2017 money-laundering fine
In January 2017, the bank was fined $425 million by the New York State Department of Financial Services (DFS)[67] and £163 million by the UK Financial Conduct Authority[68] regarding accusations of laundering $10 billion out of Russia.
... On 5 November 2015, Deutsche Bank was ordered to pay US$258 million (€237.2 million) in penalties imposed by the New York State Department of Financial Services and the United States Federal Reserve Bank after the bank was caught doing business with Burma, Libya, Sudan, Iran, and Syria which were under US sanctions at the time. According to the US federal authorities, Deutsche Bank handled 27,200 US dollar clearing transactions valued at more than US$10.86 billion (€9.98 billion) to help evade US sanctions between early 1999 until 2006 which are done on behalf of Iranian, Libyan, Syrian, Burmese, and Sudanese financial institutions and other entities subject to US sanctions, including entities on the Specially Designated Nationals by the Office of Foreign Assets Control.[63][64]
In August 2013, Forbes magazine reported that the Department initiated an investigation into bitcoin by issuing subpoenas to several companies and investors.[9]
https://www.finnomena.com/taspong/deutsche-bank-fined-629-million/
https://en.wikipedia.org/wiki/Deutsche_Bank
https://en.wikipedia.org/wiki/New_York_State_Department_of_Financial_Services
http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/636956
Cr.Jeerachart Jongsomchai
บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman