ทำไมนักลงทุนกำลังเลิกสนใจหุ้นธนาคารสหรัฐ?

หุ้นธนาคารสหรัฐที่กำลังร่วงแตะจุดต่ำสุดครั้งใหม่ในสัปดาห์นี้ อันเป็นผลมาจากการกำหนดภาษีของสหรัฐ และสถานการณ์วิกฤติต่างๆของเศรษฐกิจสหรัฐ ท่ามกลางอัตราหนี้ของชาติและการขาดดุลของรัฐที่พุ่งสูงขึ้น

หุ้นของธนาคารสหรัฐกำลังดิ่งลงท่ามกลางสงครามการค้าของคณะบริหารของทรัมป์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา 

Bloomberg ได้สังเกตการณ์ว่า พวกเขาต้องเผชิญกับความสูญเสียตลอดมา

ระเบิดลูกแรกที่ส่งผลกระทบต่อภาคธนาคารสหรัฐ ถูกติดตั้งโดยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ บารัค โอบาม่า หลังจากวิกฤตการเงินโลกในปี 2008 เงินคงคลังของรัฐถูกใช้เริ่มโครงการเชิงปริมาณหลายระยะ ผ่านการจับจ่ายมหาศาลของกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานความมั่นคงอื่นๆ

การเคลื่อนไหวภายใต้การวิจารณ์อย่างหนักจากพรรครีพับลิกันในปี 2012 เมื่อฝ่ายเงินคงคลังของรัฐประกาศแผนการกระตุ้นครั้งที่ 3 ซึ่งอ้างอิงจากพวกเขาแล้ว แผนการดังกล่าวไม่สามารถช่วยโครงการได้เลยแม้แต่น้อย เป็นเพียงแค่การกระพืออัตราเงินเฟ้อมากขึ้นเท่านั้น

แต่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดจากโครงการของโอบาม่า คือการลดลงในการกู้ยืมเงิน ในช่วงสองปีที่ผ่านมา อัตรากูยืมในอุตสาหกรรมสหรัฐลดลงราว 100 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปี 2012-2014 ปริมาณเงินกู้ในภาคอุตสาหกรรมโตกว่า 220 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำนายได้ว่า รายรับของธนาคารลดลงอย่างสม่ำเสมอ

และระเบิดลูกที่สองก็มาจากสงครามภาษีของทรัมป์ ที่เริ่มใช้เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2018 หลังจากการประกาศกำหนดภาษีเหล็กร้อยละ 25 และอลูมิเนียม ร้อยละ 10 โดยคณะบริหารของทรัมป์ ผู้ลงทุนอนุมานว่า ภายใต้เงื่อนไขของสงครามการค้า บริษัทต่างๆมีแนวโน้มที่จะระงับการกู้ยืมเงินครั้งใหม่ ซึ่งนั่นก็จะกระทบกับหุ้นธนาคารสหรัฐในอนาคต

ประธานคณะกรรมการเงินคงคลังสหรัฐ เจอโรม โพเวลกล่าวในระหว่างการบรรยายที่งานประชุม ECB Forum ของธนาคารกลาง ในเมือง Sintra โปรตุเกส เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมาว่า “ความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้ากำลังพุ่งสูงขึ้น” ทั้งยังเสริมว่า ผลจากความกังวลนั้นเริ่มเกิดขึ้นแล้วในภาคการลงทุนธุรกิจและการจ้างงานที่ช้าลง

การเริ่มใช้กำแพงภาษีของสหรัฐกับอียูและจีนในเดือนมิถุนายนได้ส่งผลให้เกิดมาตรการตอบโต้เป็นวงกว้างจากคู่ค้าของสหรัฐ ซึ่งข่มขู่ที่จะสร้างผลกระทบในแง่ลบต่อสภาพธุรกิจของโลก

อย่างไรก็ดี ผู้บริหารเงินคงคลังยังมองว่านั่นเป็นเพียงแค่ความเสี่ยง ที่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเป็นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้สำหรับแนวโน้มในระยะยาว แม้ว่าแนวโน้มจะยังไม่แข็งแกร่งตามที่เราต้องการก็ตาม

เช่นเดียวกับที่หนี้ระดับชาติของสหรัฐที่โตขึ้นอย่างต่อเนื่องแตะ 21 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และการขาดดุลของรัฐก็พุ่งทะยานไม่แพ้กัน โดยมีแนวโน้มว่าจะแตะ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2020 และมีอัตราขาดดุลเฉลี่ย 1.2 ล้านล้านเหรียญต่อปี ตั้งแต่ปี 2019 ถึง 2028

ภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้ นักลงทุนได้วิเคราะห์ว่า “เรากำลังทำในสิ่งที่แทบจะเรียกได้ว่า ภารกิจฆ่าตัวตาย เรากำลังขาดดุลย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่อัตราหนี้ก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ”

https://sputniknews.com/us/201806301065902788-us-bank-stocks/ 

RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : หมี CNN

บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"