บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินว่าหุ้นไทย (SET) ในวันที่ 3 กันยายน 2567 ยังคงอยู่ในช่วงพักตัวเพื่อลดความร้อนแรง โดยแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติชะลอตัวลงจากการชะลอการแข็งค่าของเงินบาท อย่างไรก็ตาม สัญญาณโดยรวมยังคงดี
โดยมีปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยที่จะมีผลในช่วงปลายไตรมาส 3 ถึงไตรมาส 4 ปี 2567
แนวรับสำคัญของ SET อยู่ที่ 1,350 และ 1,345 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,360 และ 1,366 จุด ช่วงสั้นคาดว่า SET จะเคลื่อนไหวแบบ Sideway Up เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่น่าจะฟื้นตัวจากความชัดเจนทางการเมืองในไทย และการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ธปท. มีแนวโน้มเปิดโอกาสในการลดดอกเบี้ย ซึ่งจะดึงดูดกระแสเงินทุน (Fund Flow) ให้ไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ (EM) ต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินบาทและสกุลเงินในเอเชียแข็งค่าขึ้น
ในแง่ของการลงทุน คาดว่าเงินทุนจะไหลออกจากกลุ่มพลังงาน ปีโตรเคมี สื่อสาร และอิเล็กทรอนิกส์ และเข้าสู่กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก รับเหมาก่อสร้าง และการแพทย์ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะเมื่อดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐและจีนคาดว่าจะชะลอตัวลง
กลยุทธ์การลงทุนในสถานการณ์นี้ แนะนำให้เลือกซื้อหุ้นเฉพาะกลุ่ม (Selective Buy) ตามแนวโน้มและปัจจัยที่กล่าวมา
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงสั้น โดยมองว่า SET จะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Up จากความคาดหวังเรื่องความชัดเจนทางการเมืองและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ในช่วงปลายไตรมาส 3 ถึงไตรมาส 4 ปี 2567 ดังนี้:
1. หุ้นที่ได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
เน้นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นในเดือนกันยายน 2567:
- แนะนำหุ้น: CPALL, CPAXT, TNP, CBG
2. หุ้นปันผลคุณภาพดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดระยะสั้น
แนะนำหุ้นที่จ่ายปันผลระหว่างกาลจากกำไรครึ่งปีแรก 2567 (1H67) และมี Div. Yield ตั้งแต่ 1.5% ขึ้นไป:
- แนะนำหุ้น: HTC, BCP, BBL
3. หุ้นที่ได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง
เน้นหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่มีโอกาสปรับลด:
- กลุ่มเช่าซื้อ: MTC
- กลุ่มอสังหาริมทรัพย์: AP
- กลุ่มค้าปลีก: CPALL, CPAXT
- กลุ่มโรงไฟฟ้า: GULF
4. หุ้นที่มีโมเมนตัมกำไรดี (Earnings Play)
เน้นหุ้นที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตในไตรมาส 3 ปี 2567 ทั้ง YoY และ QoQ รวมถึงเติบโตในครึ่งปีหลัง 2567 ทั้ง HoH และ YoY อีกทั้งยังมี Valuation ที่ไม่แพง:
- แนะนำหุ้น: DELTA, GULF, BDMS, BEM
โดยกลยุทธ์นี้มุ่งเน้นการเลือกซื้อหุ้นเฉพาะกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตดีในสภาวะตลาดปัจจุบัน
สำหรับหุ้น TOP PICKS วันนี้:
1. CPALL
- ปัจจัยเด่น: คาดว่ากำไรครึ่งหลังปี 2567 (2H67) จะเติบโตเด่นที่สุดในกลุ่มค้าปลีก จากการเติบโตที่แข็งแกร่งในยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS (ร้านสะดวกซื้อ) และ CPAXT (ค้าปลีกอาหาร)
- ปัจจัยสนับสนุน: คาดว่า CPALL จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ซึ่งยังไม่รวมอยู่ในการประมาณการปัจจุบัน
- กลยุทธ์: แนะนำให้เข้าซื้อเก็งกำไรที่ราคาไม่เกิน 60.75 บาท
2. CKP
- ปัจจัยเด่น: ได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวลดลง และกำไรในไตรมาส 3 ปี 2567 (3Q67) คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นในฤดูฝน ซึ่งส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าสูงขึ้นสูงสุดในรอบปี โดยล่าสุดปริมาณการผลิตไฟฟ้าและปริมาณน้ำไหลเข้าในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น YoY ทั้งที่เขื่อนไซยะบุรีและเขื่อนน้ำงึม 2
- กลยุทธ์: แนะนำเข้าซื้อที่ราคาไม่เกิน 3.70 บาท
ทั้งสองหุ้นนี้มีแนวโน้มเติบโตตามปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นและเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการลงทุนวันนี้
Cr.กรุงเทพธุรกิจ
----------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo