...หลังจากประชุมกัน สองวัน 20-21 มีนาคม 2018 สุดท้ายเฟดโดยนายใหญ่คนใหม่ ลุงเจอโรม พาวเวลล์ ที่มาแทนป้าเจลเลน ก็ออกสื่อครั้งแรกด้วยการออกตัวแรง ขึ้นดอกเบี้ยเลย 0.25% ทำให้ดอกเบี้ยของเฟดขึ้นมาอยู่ที่ ระหว่าง 1.50-1.75%
เป็นครั้งแรก ที่คาดว่าจะขึ้นอีกสองครั้งในปี 2018 นี้ นับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องนับแต่ปี 2015 ที่ดอกเบี้ยแตะเกือบศูนย์เพื่อจะปล่อยให้นักลงทุนกล้ากู้ยืมไปลงทุนและสร้างงานในประเทศ หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2008 เป็นต้นมา
... โดยเฟดอ้างเหมือนเดิมว่า อัตราการว่างงานดีขึ้น แปลว่าเศรษฐกิจดีขึ้น และการที่ทรัมป์ลดภาษีให้กับพวกบริษัทใหญ่ๆ ทำให้ตลาดหุ้นร้อนขึ้น ( เพราะว่าจากที่กำไรน้อย หรือขาดทุน พอจ่ายภาษีน้อยลงมาก กลายเป็นว่าหลายบริษัทได้กำไรเพิ่มมากขึ้น นักลงทุนเลยแห่เอาเงินไปลงทุนที่ตลาดหุ้นของอเมริกา ) ดังนั้นการที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยแบบนี้แปลว่า ยังไม่เร่งเหยียบเบรคเต็มที่ เพื่อกลัวเงินเฟ้อเกินไป เดี๋ยวฟองสบู่แตก เพราะตลาดหุ้นร้อนขึ้นหลังจากทรัมป์ลดภาษีให้คนรวย เลยต้องเบรคคนแห่ไปตลาดหุ้น ต้องขึ้นดอกเบี้ยกั้นน้ำไม่ให้ไหลเข้าตลาดหุ้นมากเกินไป แต่อาศัยเงินจากต่างแดนมาแทน
... ขณะเดียวกัน เมื่อตอนที่ทรัมป์ลดภาษีให้คนรวยนั้น คนก็แห่ถอนเงินออกจากตลาดพันธบัตรทำให้เงินจากตลาดพันธบัตรแห่ไหลไปที่ตลาดหุ้นแทน กลายเป็นว่าตลาดพันธบัตรน่ากลัวกว่าใครเพื่อน
... ในมุมหนึ่งการขึ้นครั้งนี้เพื่อการป้องกันฟองสบู่ของตลาดหุ้นร้อนแรงจนแตกมากเกินไป ค่อยๆร้อนอย่างช้า เมื่อขึ้นดอกเบี้ยเงินจากทั่วโลกก็จะไหลไปที่อเมริกามากขึ้น เงินดอลล่าร์ก็จะค่อยๆแข็งขึ้น ประกอบกับการขู่ฟอดๆเรื่องสงครามกับเกาหลีเหนือ อิหร่านออกสื่อบ่อยๆ ทำให้คนกลัวสงคราม ทำให้ประเทศต่างๆไม่กล้าที่จะปล่อยเงินดอลล่าร์ออกจากทุนสำรองระหว่างประเทศของทั่วโลก ทั่วโลกต้องก้มหน้าเก็บเงินดอลล่าร์ไว้ต่อไปในคลังประเทศตัวเอง แม้จะรู้ว่าผลิตจากอากาศไร้ทองคำค้ำ แต่ก็ปล่อยไม่ได้ เพราะข่าวสงคราม
... ออกข่าวสงครามกับอิหร่าน เกาหลีเหนือ รัสเซียบ่อยๆ ทั่วโลกก็กลัวสงคราม เมื่อคนกลัวสงครามทั่วโลกจะซื้อน้ำมันล่วงหน้า น้ำมันแพง ประเทศทั่วโลกต้องเก็บดอลล่าร์ไว้เพื่อซื้อน้ำมัน แม้ว่าหลายประเทศพยายามเลิกใช้ดอลล่าร์ในการซื้อน้ำมัน แต่เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ เพราะข่าวสงครามรั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายเงินดอลล่าร์ยังสำคัญในการซื้อน้ำมันอยู่ที่ส่วนใหญ่ต้องผ่านโอเปก ขณะที่ รัสเซีย อิหร่าน พยายามจะยกตัวเองมาเป็นผู้ที่กำหนดการค้าน้ำมัน ที่ไม่ต่้องผ่านเงินดอลล่าร์ ทำให้อเมริกาต้องพยายามทำลายรัสเซีย และ อิหร่าน ในปัจจุบัน
... อเมริกากลับมาเล่นบท “ประเทศแห่งธนาคาร” อีกครั้ง โดยการดูดเงินออมจากทั่วโลกให้ไปลงทุนในอเมริกาอีกครั้ง ไม่ต้องพิมพ์เงินตัวเองมากนักเดี๋ยวเงินดอลล่าร์เฟ้อ แต่ขึ้นดอกเบี้ยสูงเอาไว้ล่อนักลงทุนที่ต้องการดอกเบี้ยที่มากขึ้น มาฝากเงินที่อเมริกา ซื้อพันธบัตรอเมริกา หรือลงทุนในตลาดหุ้นของอเมริกาที่ตอนนี้ทั้งออกมาตรการรักษาปกป้องทางการค้า โดยเฉพาะกับจีน ขึ้นภาษีเหล็ก พยายามสร้างภาพว่าอเมริกาเป็นแหล่งที่น่าลงทุน สร้างงาน สร้างสินค้า จากการลดภาษีให้กับบริษัทขนาดใหญ่ เช่น แอปเปิ้ล กูเกิ้ล อเมซอน เป็น จะทำให้เงินจะไหลจากตลาดหุ้นทั่วโลกไปที่อเมริกาอีกครั้ง
... แต่ตอนนี้เงินจะไหลเข้ามาที่อเมริกามากขึ้นก็จริง แต่จะไหลไปที่แค่ในระดับต้นน้ำ เช่น ตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร ตลาดเงิน แต่ยังจะไม่ไหลในระดับชาวบ้าน เพราะว่าขึ้นดอกเบี้ย พอดอกเบี้ยแพง ราคาบ้าน ราคารถ ก็จะแพงขึ้นในตอนนี้ สินค้ายิ่งจะขายไม่ได้ คนมีบัตรเครดิตก็จะไม่ค่อยจับจ่ายมากนัก เพราะดอกเบี้ยบัตรเครดิต ก็จะขยับตามไปด้วย กว่าที่ผลลัพธ์ของการลดภาษีที่ทรัมป์เอาใจคนรวยจะเห็นผล ก็อีกนานหลายปี เพราะกว่าจะย้ายฐานการผลิต สร้างโรงงานกลับมาอเมริกา กว่าจะจัดหาคนที่มีฝีมือ กว่าจะผลิตเป็นสินค้า ที่ผลิตออกมาแล้วก็หาคนซื้อไม่ได้เพราะดอกเบี้ยแพง ที่ถึงตอนนั้นอเมริกาคงคิดว่าอัตราการจ้างงาน เงินเดือนจะสูงขึ้นมากกว่านี้
เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยคงไม่ต่ำกว่านี้อีกแล้ว ดังนั้นทางออกจึงต้องสร้างงานและทำให้เงินเดือนสูงขึ้นกว่านี้ และอีกปัจจัยคือ เมื่อถึงตอนนั้นสินค้าที่ผลิตเองในบ้านนั้นราคาอาจจะต่ำลงได้ เช่นเงินเดือนคนงานก็อาจจะขึ้นนิดหน่อย แต่ราคาโทรศัพท์ไอโฟน ที่ผลิตเองในอเมริกา ไม่ต้องนำเข้า ราคาอาจจะต่ำลงกว่าเมื่อก่อน ก็อาจจะทำให้คนกลับมาซื้อสินค้ามากขึ้นเหมือนเดิมได้ แม้ว่าจะไม่ต้องลดดอกเบี้ยลงเลยจากจุดนี้ไป เพราะไม่ต้องบวกภาษีนำเข้าจากต่างประเทศ และนี่คือทางออกสุดท้ายของอเมริกา
https://america.cgtn.com/2018/03/21/federal-reserve-raises-benchmark-interest-rates
Jeerachart Jongsomchai / หมี CNN
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman