ทำไม “อิสราเอล” เป็นเมืองหลวงแห่ง “สตาร์ตอัพ” โลก

ชวนสำรวจเหตุผลว่าทำไม “อิสราเอล” ดินแดนทะเลทรายถึงพลิกประเทศเป็น “ชาติแห่งสตาร์ตอัพ” ได้มีมนต์เสน่ห์ไม่แพ้ “ซิลิคอน วัลเลย์” หากพูดถึงแหล่งบ่มเพาะ ฟูมฟัก และเลี้ยงดู “สตาร์ตอัพ” ให้เติบโตพร้อมเข้าสู่โลกธุรกิจ หลายคนคงนึกถึงชื่อของ “ซิลิคอน วัลเลย์” (Silicon Valley)

พื้นที่ทางตอนใต้ของอ่าวซานฟรานซิสโก เป็นอันดับแรก ๆ แต่เมื่อมองย้อนกลับมาที่ภูมิภาคเอเชียกลับมีพื้นที่อีกแห่งหนึ่งที่เป็นแหล่งปลุกปั้นสตาร์ตอัพไม่ต่างจากซิลิคอน วัลเลย์ นั่นคือ “อิสราเอล”
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า อิสราเอลเป็นประเทศที่ภาครัฐให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงวางรากฐานด้านการศึกษาไว้เป็นอย่างดี ทำให้อิสราเอลเกิดการพัฒนานวัตกรรมเยอะมาก และมีเสน่ห์ในการดึงดูดนักลงทุน VC พร้อมเข้ามาสนับสนุนสตาร์ตอัพ ถือเป็นประเทศที่มีอีโคซิสเต็มเหมาะสมกับการปลุกปั้นสตาร์ตอัพมาก
“อิสราเอลเป็นประเทศที่มีการพัฒนางานวิจัยประมาณ 5% ของ GDP ทำให้การเติบโตด้านนวัตกรรมสูงมาก มีมหาวิทยาลัยเทคเนียนหรือสถาบันเทคโนโลยีแห่งอิสราเอล (Technion – Israel Institute of Technology) เป็นศูนย์กลางของความรู้ หรืออย่างเมืองเทลอาวีฟที่อยู่บริเวณชายฝั่งก็มีความร่วมมือของบริษัทขนาดใหญ่และมหาวิทยาลัยในการจัดตั้งศูนย์พัฒนานวัตกรรม”
ในช่วงแรก ๆ ที่อิสราเอลพยายามผลักดันตนเองสู่การเป็น “ชาติแห่งสตาร์ตอัพ” (Startup Nation) ก็มีสตาร์ตอัพจดทะเบียนในระบบกว่า 8,000 ราย ถือเป็นสัดส่วนที่เยอะมาก ๆ เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรในประเทศจำนวน 9 ล้านคน ซึ่งการผลักดันด้านการพัฒนานวัตกรรมจากภาครัฐยังมีการจัดตั้งหน่วยงานที่มีชื่อว่า Israel Innovation Authority (IIA) ในปี 2508 เพื่อช่วยเหลือด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมในประเทศ
จากข้อมูลของดีลอยท์ (Deloitte) บริษัทตรวจสอบบัญชีรายใหญ่สัญชาติอังกฤษ ระบุว่า IIA ได้จัดโครงการสนับสนุนมากมายด้วยงบประมาณประจำปีราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท) ซึ่งโครงการหลักคือกองทุน R&D ที่มอบทุนสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาสูงถึง 40% ของทุนสนับสนุนที่ได้รับอนุมัติ รวมถึงจัดโครงการ “กองทุนสองชาติ” (bi-national funds) หรือโครงการวิจัยและพัฒนาร่วมกับต่างประเทศ เช่น จีน แคนาดา และสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ จากการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก ประจำปี 2566 หรือ Global Innovation Index 2023 (GII 2023) ซึ่งจัดโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO) เพื่อวัดระดับความสามารถทางด้านนวัตกรรมของ 132 ประเทศทั่วโลกยังพบว่าอิสราเอลอยู่ในอันดับที่ 14 สะท้อนถึงการเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความโดดเด่นด้านการพัฒนานวัตกรรม
ด้วยความที่รายล้อมไปด้วยปัจจัยที่พร้อมต่อการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อิสราเอลจะเป็นฐานที่ตั้งของการลงทุนจากบริษัทระดับโลกมากกว่า 200 แห่ง เช่น ไมโครซอฟท์ (Microsoft), กูเกิล (Google), เฟซบุ๊ก (Facebook), อินเทล (Intel) ที่มีฐานการผลิตชิปเซ็ตขนาดใหญ่ และแอปเปิล (Apple) ที่มีศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมถึง 3 แห่ง เป็นต้น
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้อิสราเอลก้าวสู่การเป็นประเทศแห่งการพัฒนานวัตกรรม คือปัญหาทางภูมิประเทศ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย แห้งแล้ง ยากต่อการเพราะปลูก รวมถึงต้องเผชิญกับภัยสงครามตลอดเวลา ซึ่งการที่ประเทศจะอยู่รอดท่ามกลางภัยต่าง ๆ ได้ ต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค เทคโนโลยีทางทหาร และเพิ่มทักษะให้ประชากร พลิกประเทศจากที่ไม่มีอะไรเลยให้กลายเป็นชาติที่มีนวัตกรรมและองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีมากมาย
และการที่ต้องสร้างประเทศตั้งแต่ศูนย์ ก็ทำให้อิสราเอลเป็นประเทศที่โดดเด่นด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรและการจัดการน้ำ เช่น พัฒนาระบบชลประทานแบบน้ำหยดและแยกเกลือ และเปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้งให้เหมาะสมกับการปลูก จนทำให้อินทผาลัมและมะกอกเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ
การผลักดันอิสราเอลเป็นชาติแห่งสตาร์ทอัพ หรือประเทศแห่งการพัฒนานวัตกรรม คงเกิดจากการผลักดันของภาครัฐและการสนับสนุนของภาคเอกชนอย่างเดียวไม่ได้ หากขาดการริเริ่มหรือการเป็น self-starter ของคนในประเทศ ซึ่งมุมมองการดำเนินชีวิตแบบ “Chutzpah” หรือความกล้าแบบไม่สนใคร ส่งผลให้คนอิสราเอลกล้าตั้งคำถาม มุ่งเข้าสู่ประเด็นอย่างตรงจุด พร้อมที่จะเสี่ยงลงมือทำเมื่อเห็นโอกาส และไม่กลัวความล้มเหลว ถือเป็นคุณสมบัติสำคัญของการปลุกปั้นสตาร์ทอัพให้ประสบความสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ทำให้หลายฝ่ายเริ่มจับตาและตั้งคำถามถึงแนวทางการพัฒนานวัตกรรมของอิสราเอลต่อจากนี้
Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

คลิก

Cr.Bank’s Scholarship Students

-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"