2. รู้จักเครื่องมือ การลงทุนเป็นเรื่องที่จะต้องใช้ระยะเวลานาน หลักสิบปี เราจึงต้องการเครื่องมือที่สามารถจะช่วยให้เรามีโอกาสเพิ่มขึ้นที่จะประสบความสำเร็จ หลักๆคือ ลดความเสี่ยง และ เพิ่มผลตอบแทน
- การทำประกันต่างๆ คือเครื่องมือในการลดความเสี่ยง หรือโอนความเสี่ยงบางส่วนออกไป โดยแลกกับการจ่ายเบี้ยประกัน ดั้งนั้นก่อนทำประกันเราต้องพิจารณาดูว่าประกันที่เราจะทำมีข้อดีข้อเสียอย่างไร เหมาะกับเราหรือไม่ และต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมที่เราจะสามารถจ่ายได้โดยไม่กระทบแผนการลงทุนระยะยาว
ประกันชีวิต
- แบบตลอดชีพ หรือ จนถึงอายุ 90 ปี เป็นแบบประกันที่ผมชอบที่สุด เพราะเบี้ยประกันที่จ่ายน้อยเมื่อเทียบกับความคุ้มครอง เมื่อเราทำประกันแล้วจะคุ้มครองเราตลอดชีวิต และมันยังสามารถเป็นสินทรัพย์อีกอย่างหนึ่งของเราได้ โดยถ้าเรายังมีชีวิตมูลค่ากรมธรรม์ จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผลตอบแทนถ้าเราอยู่จนครบ 90 ปีจะประมาณ 2-3% ทบต้นต่อปี จำนวนทุนประกันที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระเบี้ย และจุดประสงค์ของการทำประกัน เช่น จำนวนหนี้สินที่มีเพื่อไม่ให้ภาระตกไปอยู่กับคนอื่นในครอบครัว จะต้องมีการใช้เงินก้อนเมื่อเราเสียชีวิต ข้อเสียของประกันแบบนี้คือ ต้องจ่ายเบี้ยประกันคงที่เป็นระยะเวลานานและผมแนะนำว่าควรจ่ายแบบ 20 ปี ดีที่สุดไม่ควรจ่ายสั้นๆ หรือเงินก้อนเดียว นอกจากคิดว่าตนเองรายได้ไม่แน่นนอนอย่างมาก และตอนนี้ยังมีความสามารถที่จะจ่าย เพราะผลตอบแทนที่สูงที่สุดที่คุณจะไดรับคือ จำนวนทุนประกันลบด้วยเบี้ยปีแรก
- แบบชั่วระยะเวลา ประกันรูปแบบนี้จะมี ทุนประกันต่อเบี้ยที่จ่ายสูงที่สุด แต่เมื่อหมดช่วงระยะเวลาประกันกรมธรรม์จะไม่มีมูลค่า และค่าเบี้ยประกันจะเพิ่มขึ้นตามอายุ เหมาะสำหรับต้องการชำระหนี้สินที่มี ทำเพิ่มเพื่อให้จำนวนทุนประกันสูงขึ้น หรือเมื่อเราต้องเดินทางไปเที่ยว หรือทำงานในต่างประเทศ เป็นปีๆ
- แบบสะสมทรัพย์ชั่วระยะเวลา เป็นแบบประกันที่ผมไม่ชอบมากที่สุด เนื่องจากคนขายชอบไปหลอกคนซื้อว่าเป็นการฝากเงินให้ผลตอบแทนสูง มีเงินคืนให้ทุกปี ปีแรกสูงถึง 10 % ต่อปี แต่ไม่บอกต่อว่าผลตอบแทนลดลงครึ่งนึงทุกๆปี เบี้ยประกันแพงมากเมื่อเทียบกับทุนประกัน มีระยะเวลารับประกันจำกัด เช่นคุ้มครอง 10 – 20 ปี และถ้าคุณไม่ได้ซื้อประกันแบบอื่นไว้เลย เมื่อหมดความคุ้มครองคุณจะได้เงินก้อน ผลตอบแทนประมาณ 2-3% กว่าๆอายุที่เพิ่มขึ้น 15 – 20 ปี คุณจะไม่มีประกัน และเมื่อต้องการซื้อประกันเบี้ยก็จะแพงขึ้นเป็นเท่าตัว และยังต้องจ่ายเบี้ยไปอีกเป็นสิบปี แต่ถ้าคุณเข้าใจแบบประกันแบบนี้มีประโยชน์มาก เหมาะสำหรับเป้าหมายระยะสั้นถึงกลาง ที่ต้องการความแน่นนอน เช่น การศึกษาบุตร ใช้ในการลดหย่อนภาษีเพราะเบี้ยสูงโดยเลือกระยะเวลาคุ้มครองที่สั้น หรือ เงินเวนคืนกรมธรรม์ถึงจุดคุ้มทุนเร็ว หรือคนที่ไม่สามารถเก็บเงินเองได้เลย และควรทำประกัน แบบตลอดชีพไว้ด้วย
- แบบบำนาญ เป็นแบบประกันที่ผู้มีอายุยืนจะได้ผลตอบแทนที่สูง เป็นแบบประกันลักษณะเสี่ยงโชค เพราะถ้ามีประกันบำนาญแต่อายุไม่ยาวนานผลตอบแทนจะต่ำมากๆ มูลค่ากรมธรรม์จะสูงที่สุดช่วงเริ่มที่จะจ่ายเบี้ยบำนาญ และจะค่อยๆลดลงจนเป็นศูนย์ ทุนประกันจะต่ำเมื่อเทียบกับเบี้ยที่จ่าย
- ประกันเพิ่มเติม หรือ อนุสัญญา ควรจะต้องมีประกันอุบัติเหตุ และโรคร้ายแรงไว้ แม้ว่าเบี้ยประกันจะเป็นแบบจ่ายทิ้ง แต่วงเงินคุ้มครองสูงมาก ถ้าเพื่อเกิดเหตุขึ้นค่าใช้จ่ายจะสูง ผู้ทำประกันจะได้ไม่ต้องมารับภาระตรงนี้ ส่วนประกันสุขภาพ จะทำหรือไม่ขึ้นอยู่กับ เราแข็งแรงแค่ไหน มีสิทธ์ในการรักษาพยาบาลอื่นหรือไม่ ยอมรับกับการรักษาโดยใช้สิทธ์ สวัสดิการของรัฐได้หรือเปล่า
คำแนะนำ ถ้าคุณจะซื้อประกันกับตัวแทนคุณให้ตัวแทนแนะนำว่าคุณเหมาะกับประกันแบบใด เพราะอะไร ทำไมต้องจ่ายเบี้ยเท่านี้ ทุนประกันเทานี้เพราะอะไร มีข้อดีข้อเสียอะไรในประกันรูปแบบนี้ ทำไม่ต้องได้เงินคืนเท่านี้ แล้วเงินคืนที่ได้จะนำไปทำอะไรต่อ ผมเชื่อว่าคำตอบของตัวแทนก็พอที่จะทำให้คุณทราบได้ว่าตัวแทนมีความรู้ขนาดไหน การทำเช่นนี้มิใช่เป็นผลดีต่อตัวคุณเองเท่านั้น คนอื่นๆก็จะได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อความต้องการ และความคาดหวังของลูกค้าเพิ่มสูงขึ้น จะทำให้ตัวแทนเองต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอเช่นกัน
เมื่อเราซื้อประกันควรมุ่งเน้นที่ความคุ้มครองเป็นหลักมากกว่าผลตอบแทน เนื่องจากบริษัทประกันเองนั้นก็มีข้อจำกัดในการลงทุนค่อนข้างมาก ดังนั้นถ้าคุณต้องการผลตอบแทนที่สูงเบี้ยประกันจะสูงขึ้นมาก คุณควรที่จะกันเงินไปลงทุนเลยดีกว่าซึ่งจะสามารถติดตามได้ในบทความหน้าครับ
ADMIN สรธร # SORATHORN WATTANAMALACHAI#DINOTECH5.0
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman