อเมริกาสกัด AI จีน หวั่นเป็นภัยความมั่นคง

ในขณะที่ตลาด AI กำลังบูมสุดขีดในอเมริกา จีนก็ไล่บี้ตามมาติด ๆ เพราะใครชิงขึ้นแท่นผู้นำ AI ก่อน ก็ดูจะได้เปรียบทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง อเมริกาเลยอยู่เฉยไม่ได้ ต้องหาทางสกัดคู่แข่งไม่ให้ขึ้นมาเทียบรัศมี เพราะจีนไม่ได้เป็นคู่แข่งด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นภัยด้านความมั่นคงด้วย

โดยก่อนหน้านี้หน่วยข่าวกรองของสหรัฐเคยจัดให้ cybersecurity จากจีนเป็นหนึ่งในภัยคุกคามอันดับต้น ๆ ของประเทศ
อีกทั้งผู้บริหารบริษัทเอกชนก็เคยเตือนรัฐบาลว่า ตอนนี้เทคโนโลยี AI ของจีนนั้นมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และหากปล่อยให้จีนพัฒนา AI ไปเรื่อย ๆ โอกาสที่จะโดนแซงหน้าก็มีสูง
นอกจากนี้ ยังมีการแสดงความกังวลว่า หากยังไม่มีกฎระเบียบในการควบคุมการใช้ AI ที่รัดกุม อาจมีการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในทางที่ผิดได้ เช่น อาจมีการใช้ AI ทำโฆษณาชวนเชื่อโจมตีประชาธิปไตย หรือถึงขั้นนำมาพัฒนาอาวุธอิสระ (autonomous weapons)
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ล้วนเป็นเหตุให้ทางการสหรัฐจะนิ่งเฉยไม่ได้ และเป็นที่มาของรายงานข่าวโดย The Wall Street Journal เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐมีแผนจะสั่งห้ามไม่ให้บริษัทอเมริกันขายเซมิคอนดักเตอร์หรือชิปอันเป็นหัวใจในการพัฒนา AI ซอฟต์แวร์ให้กับจีน
โดย The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวระบุว่า มาตรการคุมเข้มดังกล่าวอาจมีผลบังคับใช้เร็ว ๆ นี้ (เดือนกรกฎาคม)
แม้ว่าที่ผ่านมาจีนจะมีการสำรองชิปไว้จำนวนหนึ่ง แต่หากขาดชิปคุณภาพสูงจากสหรัฐ บิ๊กเทคจีนก็คงยากจะไล่กวด Google หรือ OpenAI ทัน
การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจทั้งสองนั้นเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ โดยอเมริกาเคยกล่าวหาว่าจีนขโมยเทคโนโลยีจากบริษัทอเมริกัน ทั้งผ่านการจารกรรมและกิจการร่วมค้าต่าง ๆ ที่กำหนดให้บริษัทต้องมีพันธมิตรท้องถิ่นหากอยากทำธุรกิจในจีน
และหากการออกมาตรการควบคุมการส่งออกชิปให้จีนเป็นเรื่องจริง ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศก็คงจะยิ่งทวีความตึงเครียดขึ้น
แต่นาทีนี้คนที่ซวยหนีไม่พ้นเอกชนทั้งของจีนและอเมริกา โดยเฉพาะ Nvidia ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐที่หุ้นร่วงทันทีกว่า 2% หลังมีข่าวออกมา
ก่อนหน้านี้ บริษัทลงทุนพัฒนาชิปรุ่นใหม่สำหรับขายให้จีนโดยเฉพาะ โดยเป็นรุ่นต่ำกว่าที่ขายในสหรัฐ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดเดิมของกระทรวงพาณิชย์ที่มีผลบังคับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว
แต่หากมาตรการใหม่มีการบังคับใช้จริง ชิปรุ่นพิเศษที่ว่าก็จะโดนหางเลขไปด้วย ยกเว้นจะได้รับใบอนุญาตพิเศษจากกระทรวง
และไม่ใช่แค่บริษัทอเมริกันที่ได้รับผลกระทบ เพราะหุ้นของบิ๊กเทคจีนก็ร่วงกันระนาวด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวกับ AI รวมถึงบิ๊กเทครายใหญ่อย่าง Alibaba ที่เพิ่งเปิดตัวแชตบอตแนวเดียวกับ ChatGPT ออกมา
ภาวะขาดแคลนชิปยังส่งผลให้นักวิจัย เจ้าของสตาร์ตอัพ และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของจีนต้องควักเงินกว่า 2 หมื่นเหรียญเพื่อซื้อชิป Nvidia ที่ลักลอบเข้ามาขายในตลาดมืด ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาปกติ 2 เท่า
คอลัมน์ : Tech Times
ผู้เขียน : มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ
Source - เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ

คลิก

Cr.Bank’s Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านารเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"