'เฟด'ใกล้ลดโครงการซื้อสินทรัพย์ เจ้าหน้าที่ชี้ เงินเฟ้อถึงระดับที่อาจจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยได้แล้ว

เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ สองคนชี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังโตอย่างรวดเร็ว และในขณะที่ตลาดแรงงานยังคงมีโอกาสดีขึ้นอีก เงินเฟ้อได้อยู่ในระดับที่อาจจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยได้แล้ว
ราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐแอตแลนต้า

มองว่าจะเริ่มลดโครงการซื้อพันธบัตรในช่วงไตรมาสสี่ และอาจจะเริ่มลดเร็วกว่านั้น หากตลาดงานยังคงดีขึ้นอย่างรุนแรง อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดีทั้งบอสติกและทอม บาร์คิน ประธานธนาคารกลางริชมอนด์ เชื่อว่าจากการประเมินแยกกันของพวกเขา เงินเฟ้อได้ถึงเกณฑ์ 2% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ตั้งไว้แล้ว ซึ่งเงินเฟ้อเป็นหนึ่งในสองเกณฑ์ที่จะต้องเกิดขึ้นก่อนที่จะสามารถพิจารณาขึ้นดอกเบี้ย
ความเห็นของทั้งสองคนเป็นสัญญาณว่า ในขณะที่ เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้หารือเกี่ยวกับวิธีการและเวลาที่จะลดโครงการซื้อสินทรัพย์ พวกเขาก็ได้ถกเถียงกันอย่างละเอียดมากขึ้นว่า เฟดจะต้องทำอะไรเงินเฟ้อจึงจะบรรลุตามเป้าหมาย ตามกรอบการทำงานใหม่
บอสติกซึ่งได้กล่าวแล้วว่าจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยปลายปี 2565 ได้ชี้ว่า ดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลหลัก หรือ core PCE inflation ได้ถึง 2% ในเดือนพฤษภาคม จากการคำนวณของเขา
ด้านบาร์คิน กล่าวว่า เงินเฟ้อที่สูงในปีนี้อาจเป็นไปตามหนึ่งในเกณฑ์มาตรฐานของเฟดที่จะขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่ายังมีโอกาสที่ตลาดงานจะแข็งแกร่งก่อนที่ควรจะขึ้นดอกเบี้ย และตามคำแนะนำด้านนโยบายในขณะนี้ของเฟด อัตราดอกเบี้ยจะขึ้นได้เมื่อเงินเฟ้อแตะ 2% ซึ่งเขาคิดว่ามันถึงได้ และดูเหมือนว่ามันจะเป็นเช่นนั้นต่อไป
ความเห็นของบอสติกและบาร์คิน สะท้อนความเห็นของเจมส์ บัลลาร์ด ประธานธนาคารกลางเซนต์หลุยส์ เมื่อเดือนที่แล้วที่ได้กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในขณะนี้สูงกว่าเป้าหมาย 2% ที่เฟดได้ตั้งไว้แล้ว และตามความเห็นของเขาเงินเฟ้อในขณะนี้ เพียงพอที่จะชดเชยกับเงินเฟ้อที่ซบเซาในช่วงที่ผ่านมา ตามที่กรอบการทำงานใหม่ของเฟดได้กำหนดไว้
ภายใต้กรอบการทำงานใหม่ที่เปิดเผยเมื่อปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่เฟดตกลงที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ใกล้ศูนย์ จนกว่าตลาดแรงงานจะมีการจ้างงานสูงสุด และอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 2% จะต้องพัฒนาไปเกินกว่า 2% พอประมาณ เป็นระยะเวลาหนึ่ง
คณะกรรมการนโยบายเงิน กล่าวในเดือนธันวาคมว่า จะยังคงซื้อพันธบัตรรัฐบาลในอัตรา 120,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนต่อไป จนกว่ามีความคืบหน้าเพิ่มขึ้นมากต่อเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐฯ และมีการจ้างงานสูงสุด
บอสติก กล่าวว่า ด้วยระดับเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในช่วงที่มีการระบาด เฟดประสบความสำเร็จในการทำให้เป้าหมายเงินเฟ้อก้าวหน้าเพิ่มขึ้นมาก แม้ว่ายังจำเป็นต้องให้ตลาดงานมีความคืบหน้าอีก แต่เป้าหมายนั้นอาจสำเร็จได้หลังจากตำแหน่งงานแข็งแกร่งอีกหนึ่งหรือสองเดือน ซึ่งจะทำให้เฟดเริ่มลดการซื้อสินทรัพย์ในระหว่างเดือนตุลาคม ถึงธันวาคม หรือเร็วกว่านั้น หากการจ้างงานในเดือนสิงหาคมแข็งแกร่งกว่าที่คาด
อีริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางบอสตัน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เงินเฟ้อมีความคืบหน้าเพิ่มขึ้นมาก แต่ตลาดงานจำเป็นต้องดีขึ้นอีก และอาจถึงเกณฑ์การจ้างงานที่จะลดโครงการซื้อสินทรัพย์ภายในเดือนกันยายน
บาร์คินไม่ได้ระบุเวลาว่าเมื่อไหร่ที่เฟดอาจจะเริ่มลดการซื้อสินทรัพย์ แต่เขากำลังจับตาอัตราส่วนการจ้างงานต่อประชากรเพื่อประเมินว่า ตลาดงานมีความก้าวหน้าเพียงพอที่จะเป็นไปตามเป้าหมายของเฟดหรือไม่
ในแง่ของวีธีการที่จะลดการซื้อสินทรัพย์ บอสติก สนับสนุนให้ใช้แนวทางที่สมดุล โดยลดหลักทรัพย์ที่มีการจำนองค้ำประกัน และพันธบัตรรัฐบาลในอัตราเดียวกัน และอยากจะให้ลดโครงการซื้อสินทรัพย์ในช่วงระยะเวลาที่สั้นกว่าที่เฟดได้ทำในก่อนหน้านี้
Source: ข่าวหุ้น
เพิ่มเติม
- Tighter Fed policy and global growth concerns support stronger USD

 

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"