จีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลกโดยจีดีพีของจีนอยู่ที่ $12 ล้านล้าน เทียบกับสหรัฐอยู่ที่ $18 ล้านล้าน แต่ในแง่ของภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อ (purchasing power parity) หรือ ประสิทธิผลของเงินที่คำนวณหาระดับการบริโภคสินค้าและบริการในจีน หรือในแต่ละประเทศ
โดยใช้ราคาสินค้าและบริการในสหรัฐอเมริกาเป็นฐานในการคำนวณ และแสดงผลในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐซื้อแล้ว เศรษฐกิจจีนมีอำนาจซื้อมากที่สุดในโลกโดยภาวะเสมอภาคอำนาจซื้อเทียบเท่า $70 ล้านล้าน และภาวะอำนาจซื้อของทั้งโลกอยู่ที่ $120 ล้านล้าน
จีนมีความคิดที่จะสร้างเศรษฐกิจจีนให้ใหญ่ที่สุดในโลกในศตวรรษที่21 ผ่านการลงทุนใจโครงการเส้นทางสายใหม่ ซึ่งจะทำให้จีนเป็นศูนย์กลางของโลก ผ่านการเชื่อมโยง 3 ภูมิภาคของโลก คือเอเชีย ยุโรปและแอฟริกาเข้าด้วยกัน ถ้าจีนจะเป็นใหญ่ทางเศรษฐกิจ เงื่อนไขที่สำคัญคือเงินหยวนต้องเป็นเงินสกุลหลักของโลก หรือเงินหยวนต้องปลดแอกจากการเป็นบริวารของเงินดอลล่าร์ให้ได้ ถ้าปลดแอกไม่ได้ เศรษฐกิจจีน หรือระบบการเงินจีนจะตกอยู่ใต้วงจรของนโยบายการเงินของสหรัฐ เมื่อไหร่ก็ตามที่สหรัฐปั๊มเงินหรือเครดิต เศรษฐกิจโลกจะบูม เมื่อไหร่ก็ตามที่สหรัฐดูดเงินกลับ เศรษฐกิจโลกจะหัวทิ่มบ่อ โดยที่เงินดอลล่าร์ที่พิมพ์ออกมาไม่มีทรัพย์สินรองรับ หรือหนึ่งดอลล่าร์ที่พิมพ์ออกมาสามารถเอาไปเล่นต่อยอดได้อีกเป็นสิบๆเท่า
Alistair MacLeodเขียนบทความอธิบายว่าจะจะใช้กลยุทธอย่างไรในการล้มดอลล่าร์ ในบทความชื่อว่า China's Plan to Subvert the Global Dollar Standard โดยวิเคราะห์ว่า จีนจะไม่ใช้เงินหยวนกระดาษที่อิงดอลล่าร์กระดาษอีกต่อหนึ่งในเวลานี้มาแทนดอลล่าร์กระดาษ เพราะว่าถ้าทำเช่นนั้นอาจจะต้องใช้เวลาอีกหลาย10ปี หรืออาจจะไม่มีวันที่จะล้มดอลล่าร์ได้ จีนจะไม่ใช้หยวนมาแทนดอลล่าร์ โดยไม่มีทองคำมาการันตี
https://mises.org/blog/chinas-plan-subvert-global-dollar-standard
จีนสามารถใช้ 2 วิธีการในการโน้มน้าวให้ตลาดมีการวิวัฒนาออกจากดอลล่าร์ไปหาทอง หรือไม่ก็ทางรัฐบาลจีนต้องออกมาตรการเพื่อบีบให้ผู้เล่นในตลาดเร่งการยอมรับทองในระบบการเงิน
วิธีการคือ จีนจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้มีการแปลงหยวนเป็นทองคำแท่งในตลาดเซี่ยงไฮ้ได้ ผ่านตลาดรองฟิวเจอร์สของเซี่ยงไฮ้ วิธีการนี้จะทำให้ผู้ส่งออกวัตถุดิบเข้าไปในตลาดจีน สามารถที่จะมีทางเลือกของการได้รับทอง หรืออีกนัยหนึ่งเงินที่น่าเชื่อถือ นอกจากจะเลือกรับหยวนหรือดอลล่าร์เหมือนอย่างที่ผ่านมา โดยที่ทางการจีนไม่จำเป็นต้องปล่อยทองออกมาเข้าสู่ตลาด เพราะว่าทองคำสามารถหาได้ในตลาดอยู่แล้ว ในระยะต่อไป สภาพคล่องของสัญญาฟิวเจอร์สของหยวนจะเพิ่มขึ้น และเซี่ยงไฮ้เห็นตลาดทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่แล้ว
เดือนที่แล้ว ธนาคารกลางของรัสเซียได้ตั้งสำนักงานตัวแทนในกรุงปักกิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นสาขานอกประเทศแรกของธนาคารกลางรัสเซีย จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะร่วมมือกับจีนในการสร้างหยวน หรือรูเบิ้ลให้มีบทบาทมากขึ้นในระบบการเงินโลก โดยที่ทางรัสเซียจะอำนวยความสะดวกในการซับไพลทองให้กับจีน บทบาทของตลาดทองเซี่ยงไฮ้จะเพิ่มขึ้นจากการที่มีการเชื่มอโยงกับมอสโคว เมื่อจีนมีทองมากยิ่งขึ้น ความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของหยวนจะมากกว่าดอลล่าร์ เพราะว่าการเทรดทองในตลาดComexของสหรัฐไม่ค่อยจะมีการส่งทองคำแท่งจริง ส่วนมากจะตกลงกันเป็นสัญญากระดาษแล้วจ่ายกันเป็นดอลล่าร์
ถ้าทำอย่างนี้ อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่เงินหยวนจะผงาดเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง
ทางเลือกคือ จีนสามารถที่จะประกาศแผนการที่จะให้หยวนสามารถเปลี่ยนเป็นทองได้ในราคาที่กำหนด พูดง่ายๆ แทนที่หยวนจะอิงค่าตัวเองตามดอลล่าร์ แต่จะมาอิงกับราคาทองคำแทน แต่อัตราหยวนที่จะอิงทองต้องสูงกว่าระดับปัจจุบันที่ 8,700 หยวนต่อออนซ์มาก ถ้าจีนทำอย่างนี้ เงินหยวน หรือพันธบัตรรัฐบาลจีนที่ออกเป็นหยวนจะมาแทนพันธับตรรัฐบาลสหรัฐที่ตอนนี้ตลาดมองว่าไม่มีความเสี่ยงเลย (risk free)
ถึงแม้ว่าจะจ่ายดอกเบี้ยต่ำมาก และถึงแม้ว่าสหรัฐมีแต่จะพิมพ์เงินใหม่มาจ่ายหนี้เก่า หรือสร้างหนี้ใหม่ก็ตาม หยวนที่อิงทอง หรือพันธบัตรรัฐบาลจีนที่มีทองคำหนุนหลังออกมาเมื่อไหร่ตลาดการเงินโลกจะเกิดความปั่นป่วนทันที เพราะว่าไม่มีทางที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่มีความน่าเชื่อถือที่เป็นลมปากหนุนหลังจะมีเครดิตเร็ทติ้งสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลจีนที่มีทองคำหนุนหลัง จีนต้องพร้อมที่จะเปิดเผยว่ามีทองสำรองเท่าใด ซึ่งจีนมีอยู่แล้ว 50,000 ตัน
การเอาทองคำมาหนุนหยวนเป็นการนุ๊กดอลล่าร์
Thanong Fanclub
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman