ราคาของบิตคอยน์ที่ร่วงลงมา ทำให้หลายคนวิตกกังวลว่าจะเกิดวิกฤตฟองสบู่ในเงินดิจิทัลหรือไม่ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับวิกฤตฟองสบู่ในอดีตถือว่าใกล้เคียงกัน เช่น วิกฤตฟองสบู่ทิวลิป (The Dutch Tulip Mania Bubble) ซึ่งนับเป็นวิกฤตฟองสบู่ครั้งแรกของโลก ในช่วงปี 1634-1637 หรือราว ๆ เกือบ 400 ปีก่อน
เนื่องจากดอกทิวลิปเป็นสิ่งที่แสดงฐานะทางสังคมหรือความไฮโซของชาวดัตช์ หรือเนเธอร์แลนด์ในปัจจุบัน ทำให้เกิดความต้องการดอกทิวลิปมากขึ้นจนมีการซื้อขายดอกทิวลิปล่วงหน้าเพื่อไปปลูกขายทำกำไรต่อไป แต่ท้ายที่สุดเมื่อราคาแพงถึงจุดที่ไม่มีใครยอมซื้อจึงเกิดการเทขาย ราคาดอกทิวลิปร่วงลงทันทีจากสูงสุดที่ 200 หน่วย ลงมาเหลือไม่ถึง 1 หน่วยภายในเวลา 3 เดือน
รวมถึงวิกฤตดอทคอม (Dot-com Bubble) ในช่วงปี 2000 ที่เป็นวิกฤตฟองสบู่ในตลาดหุ้น Nasdaq ซึ่งเป็นตลาดหุ้นสำหรับบริษัทเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์และอินเตอร์เน็ต ด้วยเป็นช่วงเริ่มต้นของยุคเทคโนโลยี กลยุทธ์ของบริษัทเหล่านี้ไม่สามารถสร้างผลกำไรให้เติบโตได้ทัน จนสุดท้ายตลาดหุ้น Nasdap เกิดการเทขายอย่างหนักต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปี จากจุดสูงสุดที่ 5,00 จุด ในช่วงต้นปี 2000 ลงมาจุดต่ำสุดที่ 1,120 จุด ในช่วงปลายปี 2002 เช่นเดียวกับวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์หรือ Subprime Crisis ในช่วงปี 2007 - 2009 จากวิกฤติฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ แม้ว่าราคาบิทคอยน์อาบมีปรับขึ้นบ้างเล็กน้อย จากกระแสข่าวดีอย่าง Goldman Sachs ที่บอกว่าในอนาคต Cryptocurrency มีโอกาสกลายเป็นสินทรัพย์การลงทุนยุคใหม่ รวมทั้ง Ray Dalio เจ้าของ Hedge Fund ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Bridgewater Associates ที่ออกมาสนับสนุนการถือบิทคอยน์มากกว่าการถือของพันธบัตร
แต่ภาพรวมจะเห็นว่าการเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ในปัจจุบันเทียบกับวิกฤติฟองสบู่อย่างวิกฤตดอทคอมจากดัชนีตลาดหุ้น Naddaq มีความคล้ายคลึงกันอยู่พอสมควร ส่วนหนึ่งเพราะเป็นช่วงที่ตลาดดอกเบียร์ทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ ดอกเบี้ยเงินฝากบ้านเราไม่ถึง 1% แต่เงินเฟ้อทั่วโลกและในไทยเริ่มปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งผลจาก โควิด-19 ทำให้คนทั่วโลกต่าง WFH อาจทำให้มีสภาพคล่องเพียงพอและมีเวลาว่างมากขึ้น จึงหันมาหาสินทรัพย์ที่ได้ผลตอบแทนสูงกว่าสินทรัพย์แบบเดิม และเงินดิจิทัลตอบเป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะไม่มีตัวกลางอย่างธนาคารหรือหน่วยงานใดมาคอยกำกับดูแลเก็บข้อมูล แต่ทำงานและควบคุมโดยตัวเองบน Blockchain
ปัจจุบันราคา “ Bitcoin ” ร่วงลงมา 40% ภายใน 1 เดือน
ปัจจุบันราคาบิทคอยน์กับร่วงลงมาเรื่อยๆ จนราคาแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือน ที่ราว 39,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือร่วงลงมาแล้วกว่า 40% ภายในระยะเวลา 1 เดือน และหนึ่งในสาเหตุถูกพุ่งเป้าไปที่ Elon Musk เจ้าพ่อแห่งเทคโนโลยีนวัตกรรม และเจ้าของบริษัทรถยนต์ไร้คนขับ Tesla และบริษัทผลิตสำรวจอวกาศ SpaceX ที่ได้เริ่มโดดเข้าวงการเงินดิจิทัลมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว หลังจากนั้นราคาของบิทคอยน์และ Cryptocurrency อื่นก็ผันผวนมาโดยตลอด
แต่ล่าสุดเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2021 ที่ผ่านมา ทาง Elon Musk กลับลำว่า " Cryptocurrency is promising , but please invest with caution " หรือออกมาเตือนให้ลงทุนในดิจิทัลด้วยความระมัดระวัง และต่อมาก็ออกมาประกาศว่า บริษัท Tesla ไม่รับซื้อด้วยบิทคอยน์แล้ว เพราะการขุดเหรียญเป็นการใช้พลังงานฟอสซิลอย่างสิ้นเปลือง ซึ่งเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ราคาของบิทคอยน์ค่อยๆร่วงลงมาจาก 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 39,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในปัจจุบัน จนถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสร้างความปั่นป่วนนี้
เนื่องจากเขา คือผู้ทรงอิทธิพลของโลกในยุคปัจจุบัน และเคยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกมาแล้ว ฉะนั้น การเคลื่อนไหวของเขาจึงส่งผลกระทบไปในวงกว้างจึงสะท้อนว่าความผันผวนของราคาบิทคอยน์ที่ผ่านมา ล้วนเกิดจากกระแสข่าวข้อเท็จจริงในตลาดทั้งสิ้น ล่าสุดที่ดูเหมือนจะกระทบราคาบิทคอยน์ และ Cryptocurrency อื่นๆ อย่างหนักและไม่ใช่เพียงกระแสข่าว นั่นคือ รัฐบาลสหรัฐกำลังเตรียมเก็บภาษีซื้อขาย Cryptocrrency สูงสุดถึง 80% รวมทั้งมีแผนปรับขึ้นภาษีกำไรจากการลงทุน (Capital gain)
จาก 20% เป็น 43.4% ทำให้ราคาบิทคอยน์ร่วงลงมาเรื่อยๆ
นอกจากนี้รัฐบาลจีนประกาศแบน ไม่อนุญาตให้สถาบันการเงินและธุรกิจต่างๆทำทุรกรรมทางการเงินด้วย Cryptocurrency เพราะกลัวว่าจากกระทบกับเสถียรภาพและสร้างความปั่นป่วนให้กับระบบการเงินของจีน นั่นหมายความว่า ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก กำลังจะหายไปจากตลาดในฐานะผู้เล่นรายใหญ่ของโลก ส่งผลให้ราคาค่อยๆร่วงลงมาเช่นกัน
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันที่หลายประเทศทั่วโลกเริ่มยอมรับมากขึ้น มีสถาบันการเงินและธุรกิจเริ่มทำธุรกรรมด้วย Cryptocurrency มากขึ้น ขณะที่ในไทยเองก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนหน้าใหม่มากขึ้น มีการเปิดบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 500,000 บัญชีในรอบปีที่ผ่านมา แต่การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ และ Cryptocurrency อื่น ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ราคาอนาคตได้อย่างแม่นยำ เพราะสภาวะราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นเราในฐานะนักลงทุนการทำการบ้านศึกษาหาความรู้ด้านการเงิน การออม และการลงทุนในสินทรัพย์ที่เราสนใจจึงเป็นพื้นฐานแรกที่จำเป็นสำหรับนักลงทุนทุกคน
Cr.FXhanuman
----------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you