ธปท.ปักธงนำร่องใช้สกุลเงินดิจิทัลภาคประชาชนปีหน้า

ธปท.ตั้งเป้าปีหน้าเริ่มนำร่องใช้สกุลเงินดิจิทัลภาคประชาชน หลังล่าสุด เปิดรับฟังความคิดเห็น “Retail CBDC” ถึงกลางปีนี้ ต่อยอดภาคธุรกิจ เผยออกแบบให้ใช้งานเหมือนธนบัตรใช้ได้ทั้ง “ออนไลน์-ออฟไลน์” มั่นใจประชาชนเข้าถึงง่าย-ปลอดภัย ยันไม่คิดตัดตัวกลางการชำระเงินทิ้ง

นางสาววชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.อยู่ระหว่างการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางสำหรับการใช้งานในภาคประชาชน (Retail Central Bank Digital Currency : Retail CBDC) ซึ่งเป็นเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง เปรียบได้กับธนบัตรที่ออกโดยธนาคารกลาง หลังจากที่ผ่านมามีความคืบหน้าผลการพัฒนาต้นแบบสกุลเงินดิจิทัลในภาคธุรกิจ (Central Bank Digital Currency : Wholesale CBDC) ภายใต้ชื่อโครงการอินทนนท์ (INTHANON) ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2561
ซึ่งการพัฒนาระบบต้นแบบดังกล่าว นำเทคโนโลยีประมวลผลแบบกระจายศูนย์ (DLT) มาใช้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการโอนเงินระหว่างสถาบันการเงิน โดยในเฟสแรกปี 2561และถัดมาเดือน ม.ค. 2562 ได้ทดสอบประสิทธิภาพกับพันธบัตรตรวจสอบกฎเกณฑ์และธุรกรรมต่าง ๆ ก่อนที่จะทดสอบการโอนเงินระหว่างประเทศกับธนาคารฮ่องกงในเดือน ก.ย.ปีเดียวกัน และปีนี้เดือน ก.พ.ที่ผ่านมาได้ทดสอบการโอนเงินระหว่างประเทศโดยใช้ CBDC หลายสกุลเงิน (M-CBDC Bridge)
“รูปแบบ Retail CBDC สามารถนำไปใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินได้ทั้งในแบบออนไลน์ (online) และออฟไลน์ (offline) ไม่จำเป็นต้องมีสมาร์ทโฟนก็สามารถทำธุรกรรมได้ ซึ่ง CBDC จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินในอนาคต ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นประเทศติดท็อป 10 ที่เริ่มทำเรื่องของสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง
จากจุดเริ่มต้นของภาคธุรกิจ การโอนเงินระหว่างประเทศ ถือว่าเราเดินค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่เรื่องของ Retail CBDC มีความซับซ้อนกว่า จึงต้องศึกษาให้รอบคอบ เช่น มีคนกังวลหากคนมาถือ CBDC กันหมด จะเกิดแบงก์รันหรือไม่ และรูปแบบการเข้าถึงของประชาชนจะต้องง่าย และต้องเกิดการรับรู้ของภาคประชาชน”
นางสาววชิรากล่าวว่า แนวทางการพัฒนา ธปท.ได้สำรวจและศึกษาเรื่องดังกล่าว และเขียนเป็นกรอบการดำเนินการ และได้จัดทำเป็น directional paper เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชนโดยจะปิดรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 15 มิ.ย. 64 และจะมีการจัดทำ workshop ร่วมกับสถาบันการเงิน ภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปความคิดเห็นและข้อสงสัยต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการพิจารณา Retail CBDC
และในเดือน ก.ค. 2564 จะเริ่มพัฒนา Retail CBDC แบบ pilot และภายในไตรมาส 2 ปี 2565 เริ่มทดสอบ CBDC นำร่อง (pilot project) ในวงจำกัด
อย่างไรก็ดี หากนำมาใช้จริงอาจจะต้องใช้เวลา 3-5 ปีข้างหน้าเช่นเดียวกับต่างประเทศ เช่นประเทศจีนที่เริ่มพัฒนาและทดลองใช้กับประชาชนในมณฑลเล็ก ๆ ก่อนในปี 2558 ซึ่งจะทำลักษณะคล้ายลอตเตอรี่ และคาดว่าจะนำมาใช้จริงในช่วงโอลิมปิก
“การพัฒนา Retail CBDC เป็นเรื่องที่ซับซ้อน โดย ธปท.จะต้องศึกษารายละเอียดอย่างรอบคอบ ทั้งในเรื่องกฎหมาย กฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ การดูแลข้อมูลจะต้องมีธรรมาภิบาล (data governance) ความปลอดภัยทางด้านเทคโนโลยีที่นำมาใช้ และต้องไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน”
Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b

Line ID:@fxhanuman

Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"