ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 464.28 จุด รับแผนกระตุ้นศก.คืบหน้า-คลายกังวลเงินเฟ้อ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮที่เหนือระดับ 32,000 จุดเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) ขานรับสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่นำเสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน นอกจากนี้

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ หลังสหรัฐเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในเดือนก.พ.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,297.02 จุด เพิ่มขึ้น 464.28 จุด หรือ +1.46% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,898.81 จุด เพิ่มขึ้น 23.37 จุด หรือ +0.60% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,068.83 จุด ลดลง 4.99 จุด หรือ -0.04%
ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติปิดเหนือระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 32,000 จุดได้สำเร็จ โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 220 ต่อ 211 ผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์แล้วเมื่อคืนนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย และจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวไปยังปธน.ไบเดน เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งมีชื่อว่า "American Rescue Plan Act of 2021" ครอบคลุมถึงการจัดสรรงบประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์เพื่อแจกจ่ายให้กับชาวอเมริกันโดยตรงคนละ 1,400 ดอลลาร์, ให้เงินช่วยเหลือบรรดารัฐและรัฐบาลกลางในวงเงิน 3.50 แสนล้านดอลลาร์, จัดสรรเงินทุนเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และขยายโครงการช่วยเหลือคนตกงานสัปดาห์ละ 300 ดอลลาร์ออกไปจนถึงเดือนก.ย.ปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสหรัฐเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ขยับขึ้นเพียง 0.1% และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.3% ในเดือนก.พ. หลังจากดีดตัวขึ้น 1.4% ในเดือนม.ค.
ข้อมูล CPI ล่าสุดช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และยังเป็นปัจจัยที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงสู่ระดับ 1.525% เมื่อคืนนี้ด้วย
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 2.63% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอ่อนแรงลง 0.4%
นักลงทุนยังคงหมุนเวียนการลงทุนเข้าสู่หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร เนื่องจากคาดว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งเมื่อสหรัฐเปิดเศรษฐกิจ ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.09% หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 1.64% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 2.68% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ทะยานขึ้น 3.51% หุ้นเจพีมอร์ เชส พุ่งขึ้น 2.21% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.88%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเช่นกัน โดยหุ้นโบอิ้ง ทะยานขึ้น 6.39% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ บวก 1.9% หุ้น 3M ปรับตัวขึ้น 1.79%
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 มี.ค.นี้ เพื่อดูท่าทีของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนม.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช

ชัยชนะของไบเดน!สภาคองเกรสเห็นชอบขั้นสุดท้ายแพ็คเกจเยียวยาโควิด$1.9ล้านล้าน
สภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯในวันพุธ(10มี.ค.) เห็นชอบขั้นสุดท้ายหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา ไฟเขียวร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบโควิด-19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ มอบชัยชนะครั้งสำคัญหนแรกแก่ประธานาธิบดีโจ โบเดน
พวกนักวิเคราะห์คาดหมายว่า มาตรการนี้ซึ่งจะจัดสรรเงิน 400,000 ดอลลาร์ สำหรับจ่ายเงินโดยตรงสู่อเมริกันชนส่วนใหญ่รายละ 1,400 ดอลลาร์ และ 350,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับช่วยเหลือรัฐบาลรัฐต่างๆและรัฐบาลท้องถิ่น เช่นเดียวกับขยายมาตรการลดหย่อนภาษีบุตร และเพิ่มเงินทุนสำหรับโครงการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 จะช่วยเติมพลังครั้งมหาศาลแก่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
"ความช่วยเหลืออยู่นี่แล้ว" ไบเดน เขียนบนทวิตเตอร์หลังจากการโหวต ในขณะที่ทำเนียบขาวเผยว่าประธานาธิบดีรายนี้มีแผนลงนามในร่างดังกล่าววันศุกร์(12มี.ค.)
มติเห็นชอบ 220 ต่อ 211 เสียง ในสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯที่เดโมแครตครองเสียงข้างมาก เกิดขึ้นโดยไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากรีพับลิกันเลยแม้แต่คนเดียว ตามหลังการโต้เถียงกันแบบแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในสภาคองเกรสนานหลายสัปดาห์ โดยพรรคเดโมแครตให้คำจำกัดความร่างกฎหมายนี้ ว่าเป็นการตอบสนองที่สำคัญยิ่งต่อโรคระบาดใหญ่ ซึ่งคร่าชีวิตอเมริกันชนไปแล้วมากกว่า 528,000 ราย และหลายล้านคนต้องตกงาน
สมาชิกรีพับลิกันมองว่ามาตรการนี้ใช้งบประมาณสูงเกินไป เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ได้มีการอนุมัติเงินแพ็กเกจ 9 แสนล้านดอลลาร์ไปแล้ว และเต็มไปด้วยลำดับความสำคัญที่เปล่าประโยชน์ พร้อมระบุว่าระยะเลวร้ายที่สุดของวิกฤตสาธารณสุขครั้งหนักหนาที่สุดในรอบกว่าศตวรรษ ส่วนใหญ่ผ่านพ้นไปแล้ว และเศรษฐกิจกำลังมุ่งหน้าสู่การฟื้นตัว
พรรคเดโมแครตกระตือรือร้นผลักดันร่างกฎหมายสุดท้ายสู่โต๊ะทำงานของไบเดน เพื่อให้เขาลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายก่อนวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานในปัจจุบันจะหมดอายุลง
แม้สมาชิกรีพับลิกันจำนวนมากสนับสนุนแผนเยียวยากระทบโควิด-19 ภายใต้รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่กลับไม่มีสมาชิกรีพับลิกันรายใดเลยที่ลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวในสภาผู้แทนราษฏรหรือวุฒิสภา
อย่างไรก็ตามร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นที่นิยมในหมู่ประชาชน โดยผลสำรวจความคิดเห็นทั่วประเทศที่จัดทำโดยรอยเตอร์สและอิปซอส ระหว่างวันที่ 8-9 มีนาคม พบว่ามีชาวอเมริกาถึง 70% ที่สนับสนุนมาตรการนี้ ในนั้นรวมถึงเสียงส่วนใหญ่ของเดโมแครตและรีพับลิกัน โดยในหมู่ชาวรีพับลิกัน พบว่ามี 5 จาก 10 คนที่สนับสนุนแผนนี้ ส่วนชาวเดโมแครต สนับสนุนแพ็คเกจดังกล่าวถึง 9 ใน 10 คน
ร่างกฎหมายนี้อาจเป็นการวางเดิมพันขั้นสูงสำหรับทั้งสองพรรค โดยหากประสบความสำเร็จในการกระตุ้นเศรษฐกิจ มันก็น่าจะช่วยเพิ่มความรุ่งเรืองทางการเมืองแก่พรรคเดโมแครต ในขณะที่พวกเขาพยายามรักษาเสียงข้างมากปริ่มน้ำในสภาคองเกรสไปจนถึงศึกเลือกตั้งกลางเทอมปี 2022
ทั้งนี้มีสมาชิกเดโมแครตรายเดียว นั่นก็คือ จาเรด โกลเดน จากรัฐเมน ที่โหวตคัดค้านแพ็คเกจเยียวยา โดยเขาระบุว่างบประมาณที่ค่อนข้างสูงจะก่ออันตายต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ด้วยที่เดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏร 221-211 เสียง พวกเขาจึงยังสามารถสูญเสียคะแนนเสียงของสมาชิกพรรคบางส่วน และไม่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากรีพับลิกัน ในการผ่านร่างกฎหมาย
เวอร์ชันที่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา ในศึกอภิปรายแบบมาราธอนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ถอนข้อเสนอปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแก่พนักงานของรัฐบาลกลางเป็น 15 ดอลลาร์ตต่อชั่วโมงภายในปี 2025 ยกระดับความเข้มงวดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์รับเงินช่วยเหลือโดยตรง 1,400 ดอลลาร์ กำหนดเพดานสูงสุดไว้ที่บุคคลที่มีรายได้ต่ำกว่า 80,000 ดอลลาร์ต่อปี ปรับลดวงเงินเพิ่มสวัสดิการว่างงานจาก 400 ดอลลาร์ เหลือ 300 ดอลลาร์ และเล็งเป้าช่วยเหลืออย่างเจาะจงแก่รัฐบาลรัฐและรัฐบาลท้องถิ่นบางแห่ง ไปจนถึงเหล่าชุมชนขนาดเล็ก
ประกอบกับความพยายามยกระดับโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้เร็วขึ้นและอัตราผู้ติดเชื้อกำลังชะลอตัวลง การใช้จ่ายเงินครั้งมโหฬารนี้จึงถูกมองในฐานะตัวขับเคลื่อนหลัก สำหรับผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐฯสู่แนวโน้มที่สดใสอย่างรวดเร็ว
ด้วยเวลานี้ร่างเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ผ่านพ้นไปแล้ว ความสนใจจึงหันไปสู่กฎหมายสำคัญต่างๆนานาที่ไบเดนวางเป้าหมายผลักดันผ่านความเห็นชอบ ในนั้นรวมถึงการลงทุนครั้งใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐาน ปฏิรูปคนเข้าเมืองและประเด็นโลกร้อน
Source: ผู้จัดการออนไลน์

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman

Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"