มาดูกันว่านโยบาย "อเมริกากลับมาแล้ว" (America is back) ซึ่งมีเป้าหมายนำพาสหรัฐกลับมาผงาดบนเวทีโลกอีกครั้ง หลังจากสหรัฐ โดดเดี่ยว ตัวเองมาตลอด 4 ปีในการบริหารประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
จะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนในสถานการณ์โลกที่เต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยง มากมาย
ไบเดนและทีมบริหารชุดใหม่ เลือกใช้ตัวช่วยแรกในการทำให้นโยบายนี้ เดินหน้าด้วยการเลือก "แอนโธนี บลิงเคน" วัย 58 ปี เป็นรมว.ต่างประเทศคนใหม่ ของสหรัฐ ในฐานะที่บลิงเคนเคยเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายความมั่นคงให้กับไบเดน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐ แถมยังเคยดำรงตำแหน่งรมช.ต่างประเทศ ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของเขาในรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัก โอบามา
นอกจากนี้ ไบเดนยังหันกลับไปซบอกบรรดาชาติพันธมิตร และฟื้นฟู ความสัมพันธ์กับนานาชาติ ซึ่งภารกิจสำคัญอันดับต้นๆ ที่เขาจะทำคือ การกลับไป แก้ไขปัญหาความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับฝ่ายต่างๆ ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ทิ้งไว้ให้ โดยเฉพาะองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) รวมถึงการกลับเข้าร่วมกลุ่มความร่วมมือกับนานาชาติ อย่าง องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ซึ่งถูกทรัมป์ตัดสัมพันธ์อย่างไม่เหลือเยื่อใย
ขณะที่ไบเดนก็มีเป้าหมายที่จะสร้างบทบาทให้กับสหรัฐในฐานะผู้นำโลกในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย ไบเดนต้องการพลิกโฉม นโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ที่เสียหายของสหรัฐ โดยพยายามให้สหรัฐกลับไปมีบทบาทบนเวทีโลกเหมือนกับที่บรรดาผู้นำสหรัฐ ในอดีตเคยทำมา เพื่อที่สหรัฐจะได้ทวงคืนความเป็นเบอร์หนึ่งของโลกได้อีกครั้ง
ไบเดนปฏิญาณว่า สหรัฐจะยึดมั่นในสถาบัน ระหว่างประเทศที่ร่วมก่อตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และตั้งมั่นอยู่บนค่านิยม ความเป็นประชาธิปไตย ร่วมกันระหว่างชาติ ตะวันตก ทั้งยัง ยืนยัน ในพิธีเปิดตัวทีมนโยบาย ต่างประเทศของเขา ซึ่งจัดขึ้นที่รัฐเดลาแวร์เมื่อวันอังคารที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า สหรัฐจะกลับมานั่งหัวโต๊ะอีกครั้ง พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู และจะไม่ละทิ้งชาติพันธมิตร
ส่วนการต่อสู้กับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ก็เป็นภารกิจสำคัญด้วยเช่นกัน โดยไบเดน ให้คำมั่นว่าจะนำสหรัฐกลับเข้าร่วมในความตกลงปารีสอีกครั้ง หลังจากทรัมป์สั่งสหรัฐถอนตัวเมื่อปี 2560 และไบเดนยังได้กางแผนการมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อใช้บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามความตกลงปารีส โดยระบุว่า สหรัฐจะต้องสร้างเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด และสร้างงานหลายล้านตำแหน่งจากกระบวนการนี้
ซึ่งในประเด็นนี้ "วู้ด แมคเคนซี" บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยด้านพลังงานระดับโลกมีความเห็นว่า เป้าหมายในการรับมือกับภาวะโลกร้อนของไบเดน คงจะไปไม่ถึงฝันที่จะลดการปล่อยคาร์บอนลงเหลือศูนย์ก่อนปี 2593 หากไม่ได้รับความร่วมมือจากจีน
สอดคล้องกับความเห็นของ "เกวิน ธอมป์สัน" รองประธานฝ่ายพลังงาน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของวู้ด แมคเคนซี ที่บอกว่า การตกลงเรื่องเป้าหมาย, การวัดความคืบหน้า และการลงโทษประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามเป้าหมายในการ ลดโลกร้อนนั้น จะประสบความสำเร็จได้มากขึ้นด้วยความร่วมมือแบบพหุภาคี ซึ่งจีนจะมีส่วนสำคัญ ไม่เพียงในแง่ของนโยบายภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึง ความสามารถที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศอื่นๆ ทำการเปลี่ยนแปลงด้วย
ส่วนจีนนั้น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าไบเดนจะยังคงดำเนินการตามทรัมป์ในเรื่องของการต่อสู้กับอิทธิพลที่ก้าวร้าวทางเศรษฐกิจของจีน แต่ก็จะใช้เวทีระหว่างประเทศมากขึ้นในการเจรจาต่อรอง โดยหวังที่จะปรับปรุง ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ตกต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปีในยุคของทรัมป์
ขณะที่ภูมิภาคอาเซียน ไบเดนน่าจะเดินตามรอยการบริหารของโอบามา ที่ให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้อย่างมากแต่ไม่ว่าไบเดนจะดำเนินนโยบาย ต่างประเทศอย่างไรกับไทยและอาเซียนประเทศไทยก็น่าจะต้องเลือกเดินสายกลาง และต้องไม่เลือกข้างระหว่างสหรัฐกับจีน เพราะไทยยังคงต้องพึ่งพาด้านการค้า และเศรษฐกิจกับจีน ขณะเดียวกันก็ต้องอาศัยความร่วมมือด้านความมั่นคงกับสหรัฐ
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เพิ่มเติม
- Team Biden says America is back. But is Asia ready to welcome it?
----------------------------------------------------------------------------
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you