ราคาข้าวเวียดนาม พุ่งแซงไทยรอบ 30 ปี

ราคาข้าว 5% เวียดนามพุ่งแซงไทยรอบ 30 ปี ชี้บาทแข็งกระทบข้าวไทยราคาสูง ข้าวเวียดนามปรับคุณภาพดีขึ้น จูงใจลูกค้าแห่ซื้อ จับตา EVFTA ช่วยเพิ่มยอดส่งออกข้าวไปอียู
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคต.) ณ นครโฮจิมินห์

สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากสื่อของเวียดนามว่า ตามข้อมูลของสมาคมอาหารเวียดนาม (Vietnam Food Association : VFA) ราคาข้าวของเวียดนามปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม 2563 และมีราคาในบางชนิดข้าว และบางช่วงเวลาสูงกว่าราคาข้าวของไทย

ข้อมูลล่าสุดของ VFA เมื่อปลายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 10-16 สิงหาคม 2563 แสดงให้เห็นว่า ข้าวขาวหัก 5% ของเวียดนาม ได้ขายราคาอยู่ที่ 493-497 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน เทียบกับข้าวประเภทเดียวกันของไทยอยู่ที่ 473-477 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปากีสถานอยู่ที่ 423-427 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และอินเดีย 378-382 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน
นาย Nguyen Van Dong ผู้อำนวยการ บริษัท Viet Hung Rice Milling, Processing and Trading Company กล่าวว่า ขณะนี้ราคาส่งออกข้าวเวียดนามบางประเภทสูงกว่าของไทยเป็นครั้งแรก ในรอบ 3 ทศวรรษ(30 ปี)ที่ราคาข้าวเวียดนามพุ่งสูงถึงข้าวไทย และข้าวขาวหัก 5% เวียดนามสูงกว่าราคาข้าวไทย ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อให้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวของไทย ประกอบกับการขาดแคลนข้าวขาวหัก 5% ในตลาดส่งผลผลักดันให้ราคาข้าวชนิดดังกล่าวสูงขึ้น และ ปัจจัยสำคัญคือข้าวเวียดนามได้ปรับคุณภาพให้ดีขึ้น
ส่วนข้าวเวียดนามอีกหลายชนิดมีราคาที่ดีด้วย เช่น ข้าวพันธุ์ DT8 มีราคาอยู่ที่ 570 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน สูงกว่าราคาข้าวที่เพาะปลูกในปีที่แล้ว (540 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน) และข้าวพันธุ์ OM5451 มีราคาอยู่ที่ 540-550 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน สูงกว่าราคาข้าวที่เพาะปลูกในปีที่แล้ว (500 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน)
นาย Pham Thai Binh ผู้อำนวยการ บริษัท Trung An Hi-Tech Agriculture JSC. ณ นครเกิ่นเทอ กล่าวว่า ความตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ)ระหว่างสหภาพยุโรปและเวียดนาม (EVFTA) ยังนำผลประโยชน์ต่อการส่งออกข้าวของเวียดนาม โดยตามข้อตกลง EVFTA ข้าวขาวและข้าว Jasmine ของเวียดนามจะได้รับอัตราภาษีนำเข้าไปยังสหภาพยุโรปเป็นศูนย์สำหรับในโควตา 80,000 ตันต่อปี ซึ่งจะทำให้ข้าวเวียดนามได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดสหภาพยุโรป ทั้งนี้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตำแหน่งของข้าวเวียดนามในตลาดโลก ผู้ส่งออกข้าวเวียดนามต้องเจรจาราคาให้สอดคล้องกับมูลค่าและคุณภาพของข้าว และแบ่งปันผลกำไรกับผู้ปลูกข้าวเพื่อช่วยให้การผลิตและการส่งออกข้าวของ เวียดนามพัฒนาอย่างยั่งยืน
นาย Tran Thanh Hai รองผู้อำนวยการ สำนักงานการนำเข้า-ส่งออก ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม และการค้าเวียดนามกล่าวว่า คาดการณ์ว่าตลาดสหภาพยุโรปบริโภคข้าวประมาณ 2.5 ล้านตันต่อปี ในช่วงปี 2559-2563 อย่างไรก็ตามเวียดนามส่งออกข้าวไปยังสหภาพยุโรปยังคงอยู่ในระดับปานกลางประมาณ 20,000 ตันต่อปี มีมูลค่า 10.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2562 EVFTA กำลังเปิดโอกาสให้ข้าวเวียดนามขยายตัวในตลาดสหภาพยุโรปจากภาษีส่งออกเป็นศูนย์สำหรับโควตาข้าวปริมาณ 80,000 ตันต่อปี ดังนั้น ผู้ส่งออกของเวียดนามต้องติดต่อผู้นำเข้าเชิงรุกด้วยโควตาที่จัดสรรไว้ สำหรับข้าว Jasmine สหภาพยุโรปกำหนดให้เวียดนามออกใบรับรองความถูกต้อง (authenticity certificate) เพื่อได้รับอัตราภาษีส่งออกเป็นศูนย์
จากสถิติของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนามช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2563 เวียดนามส่งออกข้าวไปต่างประเทศรวม 3.9 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มีมูลค่า 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 โดยฟิลิปปินส์ยังคงเป็นตลาดนำเข้าข้าวที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 37
Source: ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
--------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"