จนมันทำให้นักลงทุนหลายท่านเชื่ออย่างสนิทใจว่าตลาดกระทิงมันจะไม่มีที่สิ้นสุด ....ตลาดหุ้นในสายตาของผมคือ ยาปลอม (placebo) ทางเศรษฐกิจซึ่งให้ผลแค่ทางจิตวิทยา ที่รัฐบาลและธนาคารกลางเอามาใช้หลอกสาธารณชน
ให้เชื่อว่าระบบการเงินยังมีความเสถียรทั้งๆที่เศรษฐกิจโดยรวมกำลังดิ่งเหว
ตลาดหุ้นก็คือ..หนึ่งในดัชนีปลอมๆ เช่นตัวเลข GDP ที่ยกเมฆมา..อัตราเงินเฟ้อและอัตราว่างงานหลอกๆ.. ทั้งหมดนี้เพื่อทำให้สาธารณชนยังอยู่ในที่มืด อย่างน้อยก็ชั่วระยะหนึ่ง
ฟองสบู่หลายครั้งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ยุคหลัง ธนาคารกลางมักจะเป็นตัวทำให้มันพังลง..ทั้งอย่างตั้งใจทำเป็นแผนหรือถูกบีบให้ทำ แล้วทั้งธนาคารและรัฐบาลก็มักจะใช้ช่วงเวลาการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ค่อนข้างนาน เอื้อให้เหล่าอิลิทสร้างกำไรจากซากปรักหักพัง และเก็บผลประโยชน์ทางการเมืองไปได้ระยะหนึ่งตามที่ต้องการ
ครั้งนี้ธนาคารกลางเริ่มสร้างเหตุมาตั้งแต่ปั 2009..จนเกิดเหตุการณ์หนี้ทั่วโลกและวิกฤติของอนุพันธ์เป็นอย่างที่เห็นๆกันอยู่ ..นี่เป็นการร่วมมือกันของธนาคารกลางทั่วโลกซึ่งหน้าฉากก็เหมือนคู่แข่งของกันและกัน แต่เบื้องหลังเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน ..การร่วมกันจัดการกับระบบเศรษฐกิจของโลกก็อยู่ภายใต้ Bank for International Settlements (BIS..พ่อของทุกแบ้งค์ชาติ)
ภายหลังจากที่ Fed มีการลดการทำ QE ลง ..ธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกก็เริ่มเก็บเศษเนื้อข้างเขียงกิน (pick up the slack) ..Fed มีอำนาจที่จะจัดการยังไงก็ได้กับสกุลเงินของตนที่เป็นรีเสิร์ฟของโลก นี่ทำให้ Fed เป็นนักปั่นตลาดอันดับหนึ่ง แต่ตอนนี้มันเริ่มจะถอยจากบทบาทนี้เพราะหมดแรงแล้ว ...ธนาคารกลางของทั้ง EU ญี่ปุ่น และจีน ต้องมาเป็นฝ่ายกระตุ้นให้ตลาดยังคงมีแรงอยู่ได้
มันมาหมดแรงสุดๆเอาเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ตลาดต้องพบกับนโยบายการทำ tightening ที่ไม่หยุด อัตราดอกเบี้ยขึ้นไปถึงอัตราเงินเฟ้อที่ Fed คาดไว้แล้ว ...Fed ยังคงลดขนาดของ Balance Sheet อย่างไม่หยุดยั้ง เป็นการดูดเอาสภาพคล่องออกจากตลาด..จากที่มันกลายเป็นดอลล่าร์ยาเสพติดไปแล้ว นี่จะเป็นการทำลายแหล่งเงินที่พยุงตลาดหุ้นอยู่ นั่นคือการเป็นหนี้เพื่อซื้อหุ้นคืนของบริษัทต่างๆ ที่นับเป็นการปั่นตลาดที่ถูกกฎหมาย
งานเลี้ยงกำลังเลิกรา ตลาดหุ้นเริ่มจะพัง
แต่มันก็เหมือนเมื่อตอนตลาดหุ้นพังในอดีต มักมีการเด้ง (bounce) ขึ้นอีกครั้ง มันยังไม่พังซะทีเดียว ...ถ้ามันจะมีกลไกที่มาพยุงตลาดไว้เช่น "plung protection team" (ทีมงานในตลาดที่จะช้อนหุ้นเมื่อตอนร่วงแรงๆ ก่อตั้งโดย ปธน.รีแกน..ผู้แปล) มันก็ไม่ใช่มาจาก Fed แน่ๆ ..plung protection ที่มาช่วยตลอดสี่เดือนที่ผ่านมา..กลับมาจากแหล่งที่น่าเซอร์ไพรส์มากๆ ...นั่นคือ จีน
ตลาดหุ้นทั่วโลกที่กำลังจะพังกลับลำ 180 องศาเมื่อตอนสิ้นเดือนธันวาคมมาตลอดเดือนมกราคม ขณะเดียวกันจีนประกาศเพิ่มมาตรการกระตุ้นขึ้นใหม่ เป็นช่วงเดียวกับที่ Trade Deal กำลังเป็นข่าวในสื่อกระแสหลัก เกิดความหวังว่าสงครามการค้าคงจะยุติได้ ..ตลาดหุ้นทั่วโลกพอใจกับการเคลื่อนไหวของจีน และรณรงค์ให้เกิด QE ต่อไป ซึ่งก็กลับมาทำอย่างเต็มสตีมอีกครั้งในไตรมาสที่สองของปี 2019 นี้
ผมเคยสังเกตุว่า เมื่อใดก็ตามถ้ามีการวิจารณ์กันในสื่อกระแส ว่าจีนกำลังจะถอยออกจากการกระตุ้น ตลาดหุ้นจะมีผลทางลบเสมอ ถ้าจีนทำอย่างนั้น ตลาดจะไม่มีอะไรให้โหนได้เลยทั้งสภาพคล่องหรือความหวัง ..และที่ผ่านมาสองสัปดาห์นี้ มันเริ่มจะชัดเจนแล้วว่าจีนกำลังจะตัดเงินช่วยพยุงนี้ออกแล้ว
เมื่อปลายเดือนเมษายน ธนาคารจีนมีการแจ้งว่า จะต้องมีการจำกัดสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้แล้ว อาจจะเริ่มปลายเดือนพฤษภาคมนี้เอง มันเป็นไปได้ เพราะสำหรับจีนแล้ว..การกระตุ้นของจีนมันได้ไม่เท่าเสีย ..การเพิ่มของเครดิตก็ลดลงในเดือนที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าธนาคารกลางของจีนจะลดการไหลของสภาพคล่องในระยะสั้นแน่ๆ
อีกหนึ่งเรื่องใหญ่..ที่หลีกเลี่ยงไม่อยากพูดถึง (elephant in the room) ก็คือการกลับมาเผชิญหน้าอีกครั้งของ Trade War
ผมเคยเขียนเตือนไปนานนับเดือนแล้ว ว่าสงครามการค้าจีน สหรัฐ มันคือละครคาบูกิ ..ที่ธนาคารกลางและรัฐบาลกลางทั้งหลายเตรียมการออกแบบมาเพื่อเบนความสนใจของสาธารณชน และเพื่อหาแพะเตรียมไว้สำหรับการล่มสลายของตลาดหุ้นและเศรษฐกิจที่มันจะต้องมาแน่ๆ
เมื่อถึงตอนที่ "Everything Bubble" มันระเบิดเต็มรูปแบบ ธนาคารกลางผู้ออกแบบฟองสบู่ลูกใหญ่นี้ ต้องเตรียมแพะไว้ให้มากพอที่ตัวเองจะรอดพ้นจากการถูก blame ...แล้วผลของมันน่ะ ..ugly ระดับโลกเลยแหละ. ธนาคารทั้งหลายต่างก็ไม่อยากเป็นผู้ร้าย แต่อยากเป็นฮีโร่ผู้เข้ามาช่วยชาวโลกหลังจากนั้น
ที่จีนเข้ามาแทรกแซงในตลาดก็มีหลายเหตุผล ผมไม่เชื่อว่าที่จีนทำไปเพราะต้องการปกป้องตนเอง และผลของมันไปดันให้ตลาดหุ้นหลายประเทศพุ่งขึ้นก็ไม่ได้ตั้งใจ ..แบ้งค์ชาติจีนต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าที่ทำไปจะมีผลต่อตลาดอย่างไร
อีกหนึ่งเหตุผลคือ จีนต้องการทำเพื่อเอาใจในระหว่างที่มีการเจรจากับสหรัฐ ซึ่งถ้าเป็นกรณีนี้ แล้วทำไมรัฐบาลทรัมพ์ถึงไม่ลดราวาศอกกับการเตรียมขึ้นภาษีถึง 25% กับสินค้าจีนนับหลายแสนล้านดอลล่าร์เลยล่ะ
แต่ในความคิดของผมเอง คิดว่าเป็นเพราะจีนก็มีพันธะกรณีกับ IMF และ BIS เหมือนกับสหรัฐ ..จึงเป็นทีของจีนที่จะต้องพยุงตลาดเอาไว้ก่อนจนกว่าจะถึงเวลาที่พวก Globalist จะตัดสินใจถอดปลั้ก ..ผมเชื่อว่าสงครามการค้าเป็นเพียงละครตบตาคั่นเวลาฉากหนึ่งเท่านั้น มันไม่มีการหวังผลแพ้ชนะกันหรอก มันแค่ลากยาวไปเรื่อยๆ อาจจะมีการสรุป deal บางอย่างได้ แต่ก็จะยุติและสรุปกันใหม่
Trade War หวังผลแค่อย่างเดียว: ช่วยทำให้ธนาคารทั้งหลายดูเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องในระหว่างที่การพังทลายยังคงเกิดอยู่อย่างต่อเนื่อง ..จึงเป็นเรื่องที่อันตรายที่ใครจะคิดโดดขึ้นรถไฟขบวน trade war นี้
ในที่สุดทรัมพ์ก็ไม่อาจนำชัยชนะมาสู่สหรัฐได้ จีนเองก็ไม่ได้ ..เรื่องนี้ไม่มีความตั้งใจที่จะเอาชนะกันจริงๆหรอก
ตอนนี้ แนวทางการตอบโต้ของจีนในเรื่องวิกฤติการค้านี้ยังไม่เคลียร์เลย แผนการพบปะกันในสหรัฐก็ยังไม่มีความก้าวหน้าเลย มันก็เป็นแค่การแสดงอีกฉากหนึ่งที่ไม่มีเนื้อหาอะไร แต่ผมสงสัยว่าสิ่งที่จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเงินจริงๆก็จะยังไม่มีการแจ้งให้ใครรู้ได้เลย ผมทำนายว่าจีนจะตัดเงินมาตรการกระตุ้นนี้ทั้งหมด และโลกการลงทุนก็คงจะไม่แฮ้ปปี้นักหรอก
ในเวลาเดียวกัน การใช้ algorithm trading ในตลาดก็คงจะวุ่นสักหน่อย คอมพิวเตอร์คงจะหาสภาวะ positive อย่างสิ้นหวังในสถานการณ์อย่างทุกวันนี้ บางทีความหวังอาจจะมากับ QE4 ที่กำลังจะมาในอีกสองเดือนข้างหน้าก็ได้ หรือเราอาจจะได้ยินแค่คำหวานๆจากการประชุม Fed ครั้งต่อไป แต่ไม่มีเงินมา
ถ้าสิ่งที่ผมทำนายไว้ถูกต้องล่ะก็ พวกอิลิทคงกำลังเตรียมการแครชระบบในเวลานี้แล้ว ....timing ของเหตุการณ์ทั้งหมดน่าสนใจมาก ถ้าไม่ใช่บังเอิญ ..Fed เพิ่งดั๊มพ์เงินออกมา $40,000 ล้านหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่ทรัมพ์จะประกาศเพิ่มความรุนแรงของ trade war รอบใหม่ออกมา นี่ยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่า trade war เป็นแค่ละครที่จะเบนความสนใจออกจากธนาคารกลาง
สัปดาห์เดียวกันนี้เอง Powell และอีกหลายคนใน Fed ก็ออกมาส่งสัญญาน "เหยี่ยว" เมื่อเทียบกับคำหวานที่พูดมาตั้งแต่เดือนมกราคม ..สัปดาห์ก่อนหน้าจีนก็เตือนแล้วว่ากำลังจะลดการกระตุ้นตลาด
และขณะที่กำลังเขียนเรื่องนี้อยู่ กองเรือสหรัฐก็กำลังมุ่งหน้าสู่อิหร่าน ที่เป็นการ "show of force" โดยออกข่าวว่าอิหร่านกำลังมีแผนจะ "โจมตีแหล่งผลประโยชน์สหรัฐ" ในบริเวณอ่าว ...และ John Bolton ก็ขู่ที่จะไม่ปราณีเลย
สถานการณ์ตอนนี้ไม่แน่นอนเลย และถ้าไม่มีเงินที่จะกระตุ้นก้อนใหญ่ออกมาจากธนาคารกลางใหญ่ๆที่ไหนสักแห่งในโลกนี้แล้วล่ะก็ ....เจ้า Everything Bubble ก็คงไม่มีอะไรจะให้ยึดได้อีกแล้ว.....เอวัง..
Cr.Sayan Rujiramora
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
#forex #ลงทุน #pepperstone #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you