ทองคำเกือบทั้งหมด 8,000 ตันของสหรัฐ ตอนนี้อยู่ที่จีน ...และสหรัฐไม่มีวันได้คืนแล้ว

....เมื่อราคาทองข้ามเส้น $1,350/ออนซ์ (ในไม่เกิน 3 เดือนนี้) จะเกิด PANIC และเกิดการช้อร์ตอย่างถาวร!! THE CHINESE GOLD LINE AND MAGINOT GOLD LINE. มันมีช่วงเวลาวิกฤติที่จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้

ผู้เขียนจะขอพูดถึงเรื่องแนวทางของทองคำสองแนวทางที่เห็นว่ามันสำคัญมาก เพราะทั้งสองจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในอีกหลายปีจากนี้ ...แนวทางแรกคือ Chinese Gold Line ที่เกี่ยวพันอย่างมากกับประวัติศาสตร์ของจีน แนวทางนี้จะมีผลต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในโลกในไม่ช้านี้ ...กับ Maginot Gold Line ซึ่งก็จะมีผลต่อโลกในอีกนับสิบปี

ประวัติศาสตร์ของจีนกับทองคำเป็นเรื่องที่ชวนหลงไหล ..และจะน่าตื่นใจมากขี้นเมื่อรวมกับเรื่องที่ญี่ปุ่นเข้ามาปล้นทองของจีนเข้าไปด้วย ญี่ปุ่นสนใจทองคำของจีนมาตั้งแต่สงคราม Sino-Japanese ปี 1894 ญี่ปุ่นใช้เวลาสำรวจแหล่งทองคำในแมนจูเรียตั้งแต่นั้นจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ...ว่ากันว่าญี่ปุ่นปล้นเอาทองคำจำนวนมากจากเหมืองของจีนตอนเหนือ

ไม่เพียงเท่านั้น ในปี 1947 ในช่วงสงครามกลางเมืองของจีนกำลังระอุ ..เมาเจ๋อตุงและพวกคอมมูนิสต์ขับไล่เจียงไคเช็คออกจากอำนาจ ญี่ปุ่นผู้รุกรานได้ขโมยทองคำจากกรุงนานกิงถึง 6,600 ตัน มูลค่าปัจจุบันเท่ากับ $280,000 ล้าน ...(ผมแปลตามต้นฉบับครับ แต่คิดว่าข้อมูลเรื่องเวลาน่าจะผิด..ผู้แปล)...

THE US GOLD IS IN CHINA

สหรัฐเป็นประเทศที่ถือครองทองคำมากที่สุดในโลก ที่ 8,000 ตัน แต่ทองส่วนใหญ่คงไปอยู่ที่จีนและเอเซียหมดแล้ว เพราะสหรัฐมีแต่จะขายและจำนองทองคำที่มี..โดยไม่คิดที่จะซื้อหรือไถ่ถอนคืนอีกเลย ทั้ง Fed และสาขาต่างๆปล่อยทองในตลาดทำกำไรไปแล้ว ...ทองเหล่านี้เคยรออยู่ในตลาดลอนดอนและนิวยอร์คในคลังของ LBMA ..แต่กลุ่มประเทศสมาชิกของ Silk Road รวมทั้งรัสเซีย ก็พร้อมจะรอซื้อทองคำ physical เท่าที่จะซื้อได้.. LBMA ก็ออกเอกสาร IOU ให้กับธนาคารกลางของสหรัฐ และขายทองให้พวกตะวันออกไป และก็ไม่ต้องหวังว่าจะซื้อคืนได้จากตะวันออกอีกต่อไป ..LBMA ไม่สามารถหามาคืนให้สหรัฐได้แล้ว กระดาษ IOU ใบนั้นก็เป็นเหมือนเศษกระดาษเท่านั้นเอง ทั้งหมดนี้จะทำให้เซฟเก็บทองทุกใบของโลกตะวันตกว่างเปล่า นำไปสู่การล่มสลายของสกุลเงินของตน และราคาทองคำที่จินตนาการไม่ถูก

THE YAMASHITA GOLD

ทองคำที่ญี่ปุ่นชิงไปจากจีนครั้งนั้นกลายเป็นส่วนเสี้ยวหนึ่งของทองยามาชิตะ นั่นคือทองที่ญี่ปุ่นปล้นสดมภ์ไปทั่วเอเซียในช่วงสงครามทั้งจาก จีน เกาหลี อินโดนีเซีย และมาเลเซีย (ภาพที่ 1)

ทั้งหมดส่วนใหญ่ถูกซุกไว้ในฟิลิปปินส์และในญี่ปุ่น (เคยมีข่าวที่กาญจนบุรีด้วย) นายพลยามาชิตะเป็นผู้ควบคุมการสร้างอุโมงค์ที่ใช้ในการเก็บซ่อนทองคำและทรัพย์สินอื่นๆ การปล้นสดมภ์และซุกซ่อนทรัพย์สินเหล่านี้เต็มไปด้วยความโหดร้ายทารุณของพวกทหารญี่ปุ่น ทองคำส่วนใหญ่ถูกฝ่ายอเมริกันค้นพบและมีรายงานว่าถูกใช้ไปในปฏิบัติการมืดทั่วโลก

CHINESE FIAT MONEY IN 740 BC

จีนจ่ายค่าบทเรียนถึงความสำคัญของทองคำด้วยความเจ็บปวดมาแล้ว จีนเป็นประเทศแรกในโลกที่ใช้ระบบเงินเฟียตในสมัยราชวงศ์ถัง 740 ก่อนคริสต์กาล ค่าเงินเฟียตของจีนคงความเสถียรจนมาถึงยุคของราชวงศ์หยวนในช่วงศตวรรษที่ 13-14 นั่นเป็นครั้งแรกที่เกิดเงินเฟ้อรุนแรงในจีนจากการพิมพ์เงินมากเกินไปเพื่อใช้จ่ายในการสงคราม

ในช่วง 1930s และ 40s ค่าเงินของจีนลดลงไปจนหมดสิ้น เมื่อตอนที่จะสิ้นยุคของจอมพลเจียงไคเช็ค เขาคือประธานาธิบดีของจีนแผ่นดินใหญ่ตั้งแต่ปี 1928-1949 ..เจียงเริ่มต้นด้วยความยิ่งใหญ่อลังการ เพียงแค่ถึงปี 1929 หนี้ของประเทศก็เท่ากับ 49% ของรายรับรัฐบาลแล้ว สภาวะการเงินเลวร้ายลงอีกหลังการรุกรานของญี่ปุ่นในปี 1932 ..ในช่วงท้ายๆของรัฐบาลเจียง เศรษฐกิจจีนล่มสลายและการพิมพ์เงินเป็นไปอย่างมหาศาล ..$1 ซึ่งเคยมีมูลค่า 3.4 หยวนในปี 1937 กลายเป็น 23 ล้านหยวนในปี 1949

CHINESE GOLD LINE

ในตอนนั้นเองที่ชาวจีนเริ่มรู้ซึ้งถึงความสำคัญของทองคำช่วงที่เกิดเงินเฟ้อรุนแรง เมื่อสภาพเศรษฐกิจเลวร้ายลงอย่างรุนแรง ..ในเดือนธันวาคม 1948 เมื่อเงินหมดค่าลง รัฐบาลจีนคณะชาติยุคนั้นตัดสินใจแจกทองคำให้ประชาชนคนละ 40 กรัม (1 oz.=31.1 กรัม) จนเกิด panic แย่งทองช่วยชาติกัน (ภาพที่ 2)

THE CHINESE LEARNT A VALUABLE LESSON FROM THE 1930s HYPERINFLATION

ชาวจีนยุคนั้นบอกเล่าสู่คนรุ่นหลังถึงความยากลำบากจากผลของเงินเฟ้อรุนแรง ทั้งความยากจน อดหยาก โรคระบาด ....นี่เป็นสาเหตุหลักที่ชาวจีนสะสมทองคำมากกว่าทุกๆประเทศ

ตั้งแต่ยุคสงครามและการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาด จีนใช้เวลาไม่กี่สิบปีขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ตรงข้ามกับพวกชาวตะวันตก ชาวจีนมีบทเรียนที่เจ็บปวดมาแล้วว่า เงินที่หาได้มาไม่ควรนำไปใช้จ่ายในการบริโภคมากเกินไป นั่นเป็นเหตุผลที่ชาวจีนเก็บสะสมทองคำเป็นการออมระยะยาว

THE WEST DOESN’T UNDERSTAND GOLD

การสะสมทองคำเป็นสิ่งที่ชาวตะวันตกรังเกียจมาก ไม่มีใครเลยที่คิดจะออมเงินเป็นทองคำ ตรงกันข้ามชาวอเมริกันและยุโรปทั่วๆไปที่ใช้จ่ายเงินที่มีจนหมดและยืมเงินเพิ่มเพื่อการบริโภค เรียน ซื้อรถหรือบ้าน

ดังนั้น Chinese Gold Line เป็นแนวทางที่ไม่มีใครในโลกตะวันตกจะเข้าใจในหลักการได้เลย แนวทางนี้ชี้ชัดถึงสิ่งที่ตามมาจากการสิ้นหวังของผู้คนหลังจากช่วงเวลาของความเลวร้ายด้านการเงินของประเทศในสถานการณ์เดียวกับที่โลกปัจจุบันกำลังเผชิญอยู่ .....หลังจากผ่านไป 100 ปี แห่งความพินาศจากผลของเงินกระดาษ..การสร้างเครดิตและการพิมพ์เงินจำนวนมหาศาล เราเข้าใกล้จุดที่ชาวโลกจะพากันสิ้นหวังและแสวงหา real money และทองคำแล้ว แต่จุดนั้นมันสายเกินไป

NO GOLD SHOPS IN THE WEST

ในลอนดอนทุกวันนี้ มีร้านที่เป็น specialised gold shop อยู่แค่ 2 แห่งที่ประชาชนยังสามารถซื้อทองคำแท่งและเหรียญได้ ในซูริคก็มีอยู่ 2 แห่ง เช่นเดียวกับในเมืองใหญ่ทั่วไปในโลกตะวันตก ไม่กี่สิบปีก่อน ธนาคารของสวิสทุกแห่งจะเป็นแหล่งซื้อขายทองคำแท่ง แต่บัดนี้ไม่มีเหลือแล้ว ..ธนาคาร UBS เคยมีผู้เชี่ยวชาญประจำอยู่ที่ gold counters ของตนในหลายสาขา แต่ไม่เหลือแล้ว

ภายในไม่กี่ปีจากนี้ คุณจะได้เห็น panic แบบที่เห็นที่จีนในร้านทองที่ยังคงเหลืออยู่ แต่จะร้ายแรงกว่าเพราะไม่มีสต้อคเหลือพอ ...และกว่าที่ผู้คนจะตื่นรู้ว่าทองคำนี่แหละจะเป็นทางรอดเดียวของวิกฤติที่กำลังจะมา ก็จะไม่มีทองคำเหลือไม่ว่าจะเป็นที่ราคาเท่าไหร่

MAGINOT GOLD LINE

แนวทางที่สองที่พูดถึง คือ Maginot Gold Line ..Maginot เป็นรัฐมนตรีสงครามของฝรั่งเศสก่อนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง เขาสร้างค่ายทหารต่อกันเป็นแนวที่ซับซ้อนเพื่อป้องกันฝรั่งเศสจากการรุกรานของเยอรมัน เรียกว่า Maginot Line ..แต่เยอรมันเข้าโจมตีจากทางเหนือผ่านฮอลแลนด์และเบลเยี่ยม บุกผ่านเข้าทางป่าอาร์เดนส์จนได้...

Maginot Line จึงถูกนำมาเปรียบเป็น ..."ยุทธศาสตร์ที่บันดาลใจให้เกิดความเชื่อผิดๆด้านความมั่นคง"...

Maginot Gold Line ที่ว่านี้ก็คือแนวป้องกันราคาทองคำมาตั้งแต่ปี 2013 ตามขาร์ต (ภาพที่ 3) ราคาทองคำถูกกดให้ต่ำกว่าระดับ $1,350 มาเป็นเวลา 5 1/2 ปี เส้นนี้ถูกพยายามทำลายในปี 2016 และ 2018 แต่ไร้ผล ..ไม่ว่าแนวต้านนี้จะแข็งแกร่งจริงหรือเป็นการสร้างของพวก bullion banks ก็คงไม่แปลก ..แนวต้านนี้ต้องถูกทลายลงแน่ในปี 2019 โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนจากนี้ ..และถ้าแนวต้านนี้พังลง ราคาทองจะต้องมี new highs หลายครั้งแน่ๆ

A BREAK OF THE MAGINOT GOLD LINE WILL LEAD TO SEVERE GOLD SHORTAGES

และเมื่อถึงตอน Maginot Gold Line พังลง มันจะสร้างเงื่อนไขให้เกิด panic และเกิดการช้อร์ตของทองคำอย่างถาวร ..ความคิดของชาวตะวันตกที่ว่า การถือครองทองคำเป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์เป็นความคิดที่อันตรายมาก

ต้องไม่ลืมว่า ทองคำไม่ใช่สิ่งที่ถือไว้เพื่อการลงทุน แต่เป็นการรักษาหรือการประกันความมั่งคั่งในยามวิกฤติ ..ไม่กลายเป็นแบบเวเนซูล่าเสียก่อน

Egon von Greyerz
Founder and Managing Partner
Matterhorn Asset Management
Zurich, Switzerland
Phone: +41 44 213 62 45

Cr.Sayan Rujiramora

สนับสนุนข่าวโดย ICMarkets
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"