... จาก “สงครามฝิ่นระหว่างจีนกับอังกฤษ ที่ตามมาด้วยสนธิสัญญาสงบศึกที่จีนที่นานกิงปี 1842 และสัญญาเทียนจิน 1858 “จีน” เป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก ก็นำมาการเสียหายหลายอย่าง เช่น
... สัญญานานกิงนั้น จีนต้องชดใช้เงินค่าฝิ่นและค่าปฏิกรรมสงครามแก่ อังกฤษ เป็นเงินรวม 21 ล้านเหรียญเงิน ( 1 เหรียญ เท่ากับ 1 ตำลึงจีน ) ยกเกาะฮ่องกงให้อังกฤษ เปิดเมืองท่า กวางโจว เซี่ยะเหมิน หนิวปัวและเซี่ยงไฮ้ ให้เป็นเมืองท่าการค้า “ภาษีทั้งขาเข้าขาออกจีน” ของพ่อค้าอังกฤษนั้นเป็นไปตามการเจรจาของทั้งสองฝ่าย ที่ฝ่ายรัฐบาลจีนไม่มีอำนาจในการกำหนดอีกต่อไป ( ที่ในความเป็นจริงนั้น อังกฤษกำหนดภาษีเข้าออกประเทศจีนเอง เสมือนประเทศตัวเอง ) และปี ถัดมาจีนก็เสีย “สิทธิสภาพนอกอาณาเขตให้อังกฤษอีก” ที่แปลว่าคนใต้อาณัติอังกฤษทุกเชื้อชาติทำผิดใดๆ ต้องขึ้นศาลอังกฤษเท่านั้น ไม่ต้องขึ้นศาลจีนแต่อย่างใด
... จากนั้น “ฝรั่งเศส” “อเมริกา” ก็มาบีบทำสัญญาแนวเดียวกับอังกฤษอีกทำให้จีนเสียเปรียบหนักเข้าไปอีก
... การที่ “จีน” ต้องเสียเงินจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามให้อังกฤษมาก และต้องเสียรายได้จากภาษีสินค้าเข้าออกน้อยลงที่รัฐไม่สามารถกำหนดได้ทำให้เงินรายได้เข้าแผ่นดินหายไป จึงต้องไปแก้เกมโดย “เก็บภาษีจากประชาชนทั่วไปจนเดือดร้อน” ทำให้เกิดกระแสการต่อต้านชาวตะวันตก
... ขณะที่หลังปี 1858 สัญญาเทียนจิน “จีน” ก็เสียเปรียบมากมายอีก เช่น ทูตแต่ละประเทศสามารถพำนักในกรุงปักกิ่งได้ หรือ “ให้ผู้สอนศาสนาของทุกประเทศเข้าไปเผยแพร่ในพื้นที่ใดๆ ได้อย่างเสรี” รวมทั้ง “พ่อค้า” ก็สามารถทำการค้าขายได้อย่างเสรี เจ้าหน้าที่ของจีนเอง ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของพวกฝรั่งได้เลย “เรือสินค้าและเรือรบของทุกประเทศสามารถเข้าออกแวะจอดในเมืองท่าทุกแห่งในแม่น้ำแยงซีแกงได้” และ จีนต้องจ่ายค่าปฏิกรรมส่งครามแก่อังกฤษ 2 ล้านชั่ง
... ผลกระทบ “สงครามฝิ่น” บานปลายสู่ “การต่อต้านจากนักมวย”
... “กบฏนักมวย” หรือ "ศึกพันธมิตรแปดชาติ" ประกอบด้วย British Russia France Japan Germany United States Italy Austria-Hungary เป็นการก่อความไม่สงบเพื่อต่อต้านจักรวรรดินิยมและคริสต์ศาสนาคริสต์ นำโดย "สมาคมอี้เหอถวน" ในสมัยศตวรรษที่ 19 ชาวต่างชาติได้เข้ามาค้าขายในประเทศจีนนานเข้า ชาวต่างชาติก็เริ่มเข้ามามีอิทธิพลในจีนและได้ส่งกำลังทหาร อาวุธที่ทันสมัยและมิชชันนารีเข้าไปเผยแพร่ศาสนาคริสต์ เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการรวมกลุ่มของชาวจีนผู้รักชาติเรียกว่า "กบฏนักมวย" ขึ้น นักมวยจะฝึกกังฟูซึ่งพวกเขาเชื่อว่าจะสามารถต่อกรกับผู้รุกรานจาก ยุโรป อเมริกาและญี่ปุ่นได้ กบฏนักมวยได้ทำการลอบสังหารมิชชันนารีชาวตะวันตก ประณามชาวต่างชาติ และเผาโบสถ์ ฯลฯ กบฏนักมวยได้รับการสนับสนุนจากซูสีไทเฮามาก ทั้งด้านการส่งทัพหลวงมาช่วยและเสริมอาวุธยุทธโธปกรณ์ต่างๆ ... ซึ่งหลังจากกลุ่มกบฏนักมวยถูกปราบได้ไม่นานก็เกิดการโค่นล้มราชวงศ์ชิงขึ้น
... ตอนนั้น “สถานทูตของพวกยุโรปในจีน” นั้นมีสถานะเป็นเขตอำนาจเฉพาะในปักกิ่ง โดยไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีน “พวกโจร”บางกลุ่ม สร้างแก๊งขึ้นในอาคารรอบนอก “สถานทูตเยอรมัน” ส่วนใหญ่อยู่ในหมู่นักเผยแผ่ศาสนานิกายลูเธอรัน พวกเขาทำการปล้นสะดมในเมืองอย่างหนัก จากนั้นก็หนีมาหลบพักพิงในสถานทูตในยุโรป จากการถูกลงโทษจากทางการจีน จึงก่อให้เกิดความโกรธเคืองในหมู่ชาวเมือง ( จีนเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตแล้ว ) รัฐมนตรีของเยอรมันพยายามที่จะหยุดการตอบโต้ของฝูงชนจีน แต่เขาเองถูกฆ่าตายในความวุ่นวายนั้นทำให้ประเทศอื่นๆจับตาระวังในการเคลื่อนไหวในครั้งนี้
... สภาพอากาศที่เลวร้ายรุนแรงที่ทำร้ายคนจีนในช่วงนั้น ที่เกิดความแห้งแล้งก่อนแล้วตามมาด้วยอุทกภัยในมณฑลซานตงในปี 1897–1898 ทำให้ชาวนาต้องหนีภัยธรรมชาติออกจากบ้านนอกเข้ามาในเมืองและไร้งานทำได้เข้าร่วมกับกบฎนักมวยมากขึ้น เมื่อภัยธรรมชาติมาบวกกับความพยายามของตะวันตกในการกดขี่ยึดครองประเทศจีน ยิ่งทำให้ความรู้สึกต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยมเพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดการเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้นตามเป็นเงาอีก
... แต่สาเหตุสำคัญที่ปะทุความรุนแรงก็คือ เกิดของความไม่พอใจในประเทศจีนตอนเหนือคือ “กิจกรรมของผู้สอนศาสนา ตามสนธิสัญญาเทียนสิน” หลังจากสงครามฝิ่นครั้งที่สอง “ได้อนุญาตให้นักเผยแผ่ศาสนาต่างชาติมีอิสระในการเผยแพร่สอนที่ใดก็ได้ในประเทศจีนและยังสามารถซื้อที่ดินเพื่อสร้างโบสถ์” ได้, วันที่ 1 พฤศจิกายน 1897 กลุ่มคนติดอาวุธซึ่งอาจเป็นสมาชิกของสมาคมดาบใหญ่บุกเข้ามาในบ้านของนักเผยแผ่ศาสนาชาวเยอรมันและฆ่าพระคริสต์สองรูป การโจมตีนี้เรียกว่าเหตุการณ์ Juye
... เมื่อไกเซอร์วิลเฮล์มที่ 2 ที่อยู่ประเทศแม่แดนไกลในเยอรมัน ได้รับข่าวการสังหารนี้จึงได้ส่งกองเรือเอเชียตะวันออกเยอรมันไปยังอ่าวเจียวโจวทางชายฝั่งตอนใต้ของคาบสมุทรซานตง การกระทำของเยอรมนีก่อให้เกิด "การแย่งชิงเพื่อสัมปทาน" โดยที่อังกฤษฝรั่งเศสรัสเซียและญี่ปุ่น จึงหวาดระแวงเยอรมัน เพราะยังต้องการคงมีอิทธิพลต่ออาณาจักรของตนเองในประเทศจีนต่อไป
... ที่วัด Senluo ในเดือนตุลาคม 1898 กลุ่มนักมวยโจมตีชุมชนคริสเตียนของหมู่บ้านลี่หยุนตุนที่วัดจักรพรรดิหยก ที่ถูกเปลี่ยนแปลงเป็นโบสถ์คาทอลิก จริงๆแล้วข้อพิพาทของพื้นที่บริเวณรอบโบสถ์นี้มีมาตั้งแต่ปี 1869 จนถึงวันเกิดเหตุจลาจลใหญ่เกือบ 30 ปี เมื่อมีการมอบวัดและบริเวณโดยรอบให้เป็นของชาวคริสเตียนในหมู่บ้าน เหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรกที่ พวกนักมวยใช้คำขวัญว่า "สนับสนุนราชวงศ์ชิงทำลายชาวต่างชาติ" พวกเขาเรียกตัวเองว่า "ทหารอาสาในความชอบธรรม" แทนคำว่า "นักมวย" เป็นครั้งแรกและพยายามที่จะทำให้การเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกต้องตามกฎหมายของกลุ่มที่ปกป้องแนวทางประเพณีจีนโบราณ
... จากนั้นเหตุการณ์ก็ลามไปหลายส่วนของประเทศ
... เนื่องจากจีนแพ้สงครามจีน-ญี่ปุ่น ระหว่างปี 1894 ถึง 1895 "จักรพรรดิกวางสู" จึงทรงทำ “การปฏิรูปร้อยวัน” ทำให้พระนางซูสีไทเฮาที่ไม่พอใจการปฏิรูปแบบตะวันตก จึงทรงเข้ายึดพระราชอำนาจแล้วนำจักรพรรดิกวางสูขังไว้ และร่วมมือกับ “กบฏนักมวย” ซึ่งมีความคิดอนุรักษนิยมเช่นเดียวกับพระนาง จนประมาณเดือนกรกฎาคม 1900 “กบฏนักมวยได้ต่อสู้กับกองกำลังนานาชาติ” ในเมืองเทียนจินและกรุงปักกิ่ง ทางสถานทูตสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เบลเยี่ยม, เนเธอร์แลนด์, สหรัฐอเมริกา, รัสเซีย และญี่ปุ่น ที่อยู่ในสถานทูตในกรุงปักกิ่ง ได้นำกำลังมาปิดล้อมพระราชวังต้องห้าม การกระทำเช่นนี้ทำให้กบฏนักมวยสังหารบาทหลวงชาวเยอรมันชื่อ Clemens von Ketteler ในวันที่ 20 มีนาคม ปี 1900
... ส่วน “กองกำลังนานาชาติ” อยู่ภายใต้คำสั่งการของ “บาทหลวงชาวอังกฤษ” และนายพล Edward Seymour ของอังกฤษในภายหลัง ได้ทำการป้องกันบริเวณสถานทูตของตนจากการโอบล้อมจากกบฏนักมวย กบฏนักมวยบุกเข้าไปในกรุงปักกิ่งได้สังหาร "ชาวจีนที่เป็นคริสเตียน" กว่าหนึ่งหมื่นคนและจับกุมชาวต่างชาติไปเป็นเชลยจำนวนมาก
... ฝ่ายตะวันตกนั้นพยายามจะทำให้เกิดกระแสการปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงในจีน โดยเฉพาะการสั่นครอนระบบศักดินา และสนับสนุนให้มีการปล่อยตัวจักรพรรดิกวางสู ทำให้เกิดสงครามภายใน เป็นการบั่นทอนจากภายในอย่างหนึ่ง โดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก รอให้อ่อนแอ จนในตอนหลังก็มีการเปลี่ยนแปลงสำเร็จในหลายสิบปีต่อมา
... จากบทเรียนในประวัติศาสตร์จีนช่วงนั้นบอกว่า “ศาสนา” นั้นแม้เป็นสิ่งดีงาม แต่คนที่ไม่หวังดีก็เอามาเป็นเครื่องมือในการปั่นป่วนประเทศเป้าหมายที่พวกเขาต้องการครอบครองเป็นอาณานิคม ทั้งในเรื่องของ “การแบ่งคนภายในอาณานิคมเป้าหมายตามความเชื่อที่ต่างให้แตกแยกกัน” รวมทั้ง “การได้ครอบครองที่ดินเพื่ออ้างว่าเอาไปสร้างโบสถ์และชุมชนของชาวคริสต์” เป็นการกลืนกินดินแดนภายในจีนอย่างช้าๆ ยิ่งเมื่อรวมกับเรือปืนหรืออาวุธที่ทันสมัยก็ยิ่งทำให้การขยายตัวของจักรวรรดินิยมได้ชัดเจนมากขึ้น
Cr.Jeerachart Jongsomchai
สนับสนุนข่าวโดย ICMarkets
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/