"ประกาศ" ที่ไม่มีใครอยากได้ยิน : ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นหลังจากที่เจอโรม พาวเวลล์

ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ย้ำว่า สามารถอดทนที่จะขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มได้ การพิพาทการค้าของจีนกับสหรัฐฯ ก็ผ่อนคลายลงหลังจากที่การหารือในกรุงปักกิ่งจบลงด้วยดี และมีสัญญาณให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายจริงจังกับการเจรจาในครั้งนี้มาก

แต่ในขณะที่เรากำลังเคลิ้ม ๆ กับข่าวดีเหล่านี้ ก็มี “ประกาศ” จากบริษัททั่วโลกออกมา “ถี่ยิบ” ในช่วงนี้ และส่วนใหญ่เป็นประกาศที่ไม่มีใครอยากได้ยิน

เฉพาะในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเพียงวันเดียว บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกกว่าครึ่งโหล ได้ดาหน้ากันออกมาประกาศลดประมาณการกำไร ลดการจ้างงาน หรือยกเลิกแผนการต่าง ๆ ท่ามกลางความไม่แน่นอนและความผันผวนในตลาดและความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทั่วโลก

เสียงเตือนจาก อเมริกัน แอร์ไลน์ กรุ๊ป, จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์, เมซี่ อิงซ์, ฟอร์ด, แบล็กร็อก, แอปเปิล, ซัมซุง และเฟดเอ็กซ์ เป็นการย้ำชัดว่าแนวโน้มไม่สดใสอย่างที่คาดไว้ในก่อนหน้านี้อีกแล้ว

ปีใหม่เพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่ 10 กว่าวัน แต่อุตสาหกรรมหลัก ๆ หลาย ๆ ภาคเริ่มประหวั่นพรั่นพรึงต่อผลกระทบที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นอันมาก

ในภาคขนส่ง สายการบินสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับแนวโน้มอันมืดมนเมื่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจคุกคามต่อดีมานด์ อเมริกันแอร์ไลน์ลดประมาณการกำไรและการคาดการณ์ทางการเงินที่สำคัญอื่น ๆ หลังจากธุรกิจช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่ไม่เป็นไปตามคาด หลังจากนั้น เดลตาแอร์ไลน์ก็ออกมาเคลื่อนไหวในแบบเดียวกัน และคำเตือนของอเมริกันแอร์ไลน์ได้ฉุดหุ้นสายการบินร่วงลงทั้งยวงในวันพฤหัสบดี

บริษัทขนส่งสินค้าก็มองแนวโน้มปี 2562 ในทางลบเช่นกัน ตัวอย่างเช่น เฟดเอ็กซ์ ลดแนวโน้มลงเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนทั้งที่เพิ่งเพิ่มแนวโน้มไปเมื่อสามเดือนก่อนหน้านี้เท่านั้น นั่นสะท้อนว่า ความเห็นของบริษัทที่มีต่อเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน โดยผู้บริหารของบริษัทอ้างว่าเป็นเพราะความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ

อุตสาหกรรมรถยนต์ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน คาดว่าน่าจะซบเซาอีกครั้งหลังจากที่ในยุโรปและในสหรัฐฯ ได้บูมต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา โดยที่เป็นข่าวใหญ่สุดคือจากัวร์ และฟอร์ด มอเตอร์ ประกาศโครงการลดต้นทุนครั้งใหญ่ ฟอร์ดคาดการณ์ว่าอาจจะต้องลดตำแหน่งงานหลายพันตำแหน่งทั่วยุโรป หรืออาจจะถึงขั้นต้องปิดโรงงานหากไม่รีบลดต้นทุน ในขณะที่จากัวร์ประกาศลดพนักงาน 4,500 ตำแหน่ง หรือประมาณ 10% ของกำลังแรงงานทั่วโลก เหตุผลสำคัญที่ทั้งสองบริษัทอ้างในการลดต้นทุนคือ ปัญหา Brexit ดีมานด์รถยนต์ดีเซลลดลง และการชะลอตัวในจีน

ภาคค้าปลีกหรือแบรนด์หรู ๆ อย่าง ทิฟฟานี่ และหลุยส์ วิตตอง ก็ส่งสัญญาณเดือดร้อนทุกทวีป ความท้าทายของแต่ละบริษัทแตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาเหมือนกันคือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ทิฟฟานี่ แอนด์ โค เปิดเผยว่า ยอดขายน้อยกว่าคาด เนื่องจากนักช้อปชาวจีนลดการใช้จ่ายเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ

ในอเมริกา เมซี่ส์ และโคลห์ส์ คอร์ป ได้ออกมาประกาศอย่างชัดเจนที่สุดว่าเทศกาลวันหยุดปีใหม่ในสหรัฐฯ อาจจะไม่ดีอย่างที่หวัง แนวโน้มที่ไม่สดใสและยอดขายที่สร้างความผิดหวัง เกิดจากความกังวลที่ดอกเบี้ยสูงขึ้นและปัญหาการค้ากับจีนอาจกระทบการใช้จ่ายของผู้บริโภค

สถานการณ์ในยุโรปและในอังกฤษก็ชวนเศร้าเช่นเดียวกัน บริษัทค้าปลีกที่นั่น ยังต้องพยายามจัดการกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ Brexit อีกเรื่องหนึ่ง

ในภาคการเงินที่ได้รับแรงกดดันจากความผันผวนอย่างรุนแรงในตลาด “แบล็กร็อก” เป็นบริษัทล่าสุดที่ประกาศลดกำลังแรงงาน 500 คน หรือประมาณ 3% ทั่วโลก ซึ่งเป็นการลดพนักงานครั้งใหญ่สุดของบริษัทนับตั้งแต่ปี 2559 ส่วนบริษัทผู้จัดการกองทุนและผู้บริหารสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ได้ประกาศลดพนักงาน ได้แก่ เอคิวอาร์ แคปิตอล แมเนจเมนต์ และสเตท สตรีท คอร์ป เป็นต้น

ความไม่แน่นอนในตลาดที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายปีที่ผ่านมาและต้นปีนี้ ได้เริ่มมีผลกระทบต่อแผนการเงินของบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่แล้ว บริษัทยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ คอร์ป ในสหรัฐฯ ระงับการขายธุรกิจด้านความปลอดภัยและความปลอดภัยจากอัคคีภัย เพราะความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่จะหันไปทำแผนแยกธุรกิจแทน เช่น ธุรกิจเครื่องยนต์เครื่องบิน ลิฟต์ และธุรกิจควบคุมสภาวะอากาศ

ภาคเทคโนโลยีก็ไม่มีข้อยกเว้น และบริษัทที่สร้างเซอร์ไพรส์ได้ฮือฮามากสุดต้อนรับปีใหม่นี้คือ แอปเปิล บริษัทได้ลดประมาณการยอดขายเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปี โดยระบุว่า เป็นเพราะการชะลอตัวลงอย่างรุนแรงในตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดจีน โดย ทิม คุ้ก ซีอีโอของแอปเปิลเชื่อว่าสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ มีผลให้ยอดขายไอโฟนลดลง

ความจริงแล้ว ก่อนที่แอปเปิลจะออกมาลดประมาณการ บริษัทซัพพลายเออร์ใหญ่ ๆ ของแอปเปิลได้ออกมาส่งสัญญาณเตือนก่อนแล้วด้วยการลดประมาณการของตนเองในเดือนธันวาคม แต่การเคลื่อนไหวของแอปเปิลได้สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกให้ดิ่งลงอย่างรุนแรง

การเคลื่อนไหวข้างต้นนี้น่าจะเป็นเพียงแค่การโหมโรง เพราะตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไปจะเริ่มมีการแถลงผลประกอบการไตรมาสสี่ในสหรัฐฯ โดยประเดิมจากกลุ่มธนาคาร เช่น เจพี มอร์แกน เชส และโกลด์แมน แซคส์ จากนั้นก็มี เดลตา และเน็ตฟลิกซ์ เป็นต้น

แม้ว่าโดยรวมแล้วนักวิเคราะห์ยังคงคาดว่าตัวเลขไตรมาสสี่ยังแข็งแกร่ง โดยกำไรในช่วงไตรมาสสี่ของบริษัทสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าประมาณ 15% แต่นั่นไมได้การันตีว่านักลงทุนจะแฮปปี้

ในการแถลงผลประกอบการรอบสุดท้ายเมื่อเดือนตุลาคม แม้ว่ากำไรโตขึ้นแต่ก็ไม่สามารถยับยั้งแรงเทขายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงปลายปีได้ แล้วยิ่งช่วงนี้มีแต่ “ประกาศ” ที่ยืนยันว่าเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง สถานการณ์ก็ไม่น่าจะดีกว่าสักเท่าไหร่ ...ต้องตั้งสติและเตรียมรับมือกันไว้ให้ดี ๆ

Source: ข่าวหุ้น

เพิ่มเติม
- Worried about the economy? Watch bank earnings

คลิก

ความคืบหน้า
- ซิตี้กรุ๊ปเผยกำไรสูงกว่าคาดในไตรมาส 4 แต่รายได้ต่ำกว่าคาด : https://www.ryt9.com/s/iq29/2940322

- ดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุด กังวลผลประกอบการ,เศรษฐกิจจีนซบ,ชัตดาวน์
: https://www.ryt9.com/s/iq18/2940327

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

สนับสนุนข่าวโดย ICMarkets
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"