ซื้อรถ...เงินทอนโผล่ สัญญาณหนี้เสียปูด

หลังจากที่โครงการรถคันแรกครบกำหนดปลดล็อก 5 ปี ที่ให้เจ้าเดิมสามารถขายหรือโอนเปลี่ยนมือได้ โดยไม่ต้องถูกเรียกคืนภาษีย้อนหลัง ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2561 ตลาดรถยนต์กลับมาคึกคักอีกครั้ง และมียอดขายเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง

มีการคาดการณ์กันว่ายอดขายรถยนต์ป้ายแดงในปีนี้จะแตะถึง 1 ล้านคันได้สำเร็จ หลังจากที่รอคอยกันมานาน เป็นการเติบโตที่เกิดจากความต้องการของตลาดหรือผู้บริโภคอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะการแข่งขันที่รุนแรงของค่ายรถยนต์แต่ละแห่ง ก็ย่อมส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ต้องขยับรับลูกและแข่งขันรุนแรงตามไปด้วย ในเมื่อคนไทยประมาณ 80-90% ยังซื้อรถเงินผ่อนเป็นหลัก

การแข่งขันที่รุนแรงจากสารพัดแคมเปญที่โหมกันออกมา นอกจากจะได้ยอดขายรถที่เพิ่มขึ้น ได้สินเชื่อเช่าซื้อที่เพิ่มขึ้นแล้ว ก็ย่อมได้หนี้เสียที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วย หากหละหลวมในการปล่อยกู้ โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพหนี้ ซึ่งปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณเกิดขึ้นบ้างแล้ว เมื่อมีความต้องการหรือดีมานด์เทียมเกิดขึ้น

อภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า ปัจจุบันมีดีมานด์เทียมจากตัวแทนขายรถยนต์หรือดีลเลอร์ที่แข่งขันกันผลักดันยอดขายกันอย่างหนักหน่วง ทำให้เกิด ลูกหนี้ที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Special Mention Loan : SM) ซึ่งมียอดค้างชำระเกินกว่า 1 เดือน แต่ไม่เกิน 3 เดือนของสินเชื่อรถยนต์เพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ เมื่อเทียบกับสินเชื่อประเภทอื่น

สำหรับวิธีที่ดีลเลอร์ใช้นั้นจะมีการกำหนดราคาไว้ 2 ชุด คือ ราคาซื้อขายจริงที่ลดให้ลูกค้าเป็นพิเศษ และราคาเพื่อทำสัญญาเงินกู้กับผู้ให้สินเชื่อ ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่า ทำให้ผู้ซื้อได้รับเงินทอนและนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย รวมทั้งเห็นโปรโมชั่นที่ใกล้เคียงกัน เช่น ซื้อรถแถมทอง ให้สินเชื่อรถยนต์ท็อปอัพเพื่อซื้ออุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ โดยเฉพาะรถที่ค้างสต๊อกหรือใกล้ตกรุ่นแล้วต้องรีบระบายออก ทำให้ผู้ให้สินเชื่อไปร่วมมือดีลเลอร์โดยไม่รู้ตัว และเริ่มกลายเป็นหนี้ SM เกิดขึ้น

เห็นได้จากสินเชื่อรถยนต์มือสอง SM ของธนาคารเกียรตินาคินก็เพิ่มเป็น 10% หรือสูงสุดอยู่ที่ 16% ในช่วงโครงการรถยนต์คันแรกก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เทียบกับเมื่อ 7-8 ปีก่อน อยู่ที่ 6-7% เท่านั้น ส่วนสินเชื่อรถป้ายแดง

SM ยังปกติ 6-7% ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เฉลี่ยที่ระดับ 2% สอดคล้องกับข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่พบว่าในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา พบว่า หนี้ SM ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 7.32% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2560 อยู่ที่ระดับ 7.15% ตัวอย่างเช่น รถราคา คันละ 2 ล้านบาท ดาวน์ 15% ก็ 3 แสนบาท เท่ากับยอดจัดไฟแนนซ์ 1.7 ล้านบาท ถ้าลูกค้าซื้อปกติก็ต้องวางดาวน์ 3 แสนบาท ก็ไม่มีปัญหา

แต่ดีลเลอร์อาจจะซิกแซ็กบอกลูกค้าว่า จะลดราคาให้เหลือคันละ 1.7 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 3 แสนบาท ที่เป็นส่วนลดเปลี่ยนเป็นของแถมแทน และไปเจรจากับไฟแนนซ์ว่ารถคันนี้ขายคันละ 2 ล้านบาทเต็ม นั่นเท่ากับว่าลูกค้าจะได้จัดไฟแนนซ์ไป 1.7 ล้านบาท โดยไม่ต้องวางเงินดาวน์และขับรถออกไปจากโชร์รูมได้เลย ส่วน เงินทอน 3 แสนบาท ก็อาจตกลงกันเปลี่ยนเป็นของแถมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มกรองแสง ค่าประกันรถ ชุดแต่งรอบคัน เคลือบแก้ว สมาร์ทโฟน ทอง หรือค่าเติมน้ำมัน ก็ได้ทั้งนั้น

ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ รถคันนี้เท่ากับราคาจริงคันละ 1.7 ล้านบาท ไม่ใช่ 2 ล้านบาท ดีลเลอร์ก็ไปกระตุ้นลูกค้าโดยไม่ต้องดาวน์ ทั้งๆ ที่ลูกค้าตั้งใจซื้อรถราคาแค่ 1 ล้านบาท แต่เมื่อถูกแรงจูงใจอย่างนี้ ไม่ต้องดาวน์ แค่ผ่อนอย่างเดียวก็ซื้อแล้ว

ส่วนจะผ่อนไหวหรือไม่ค่อยมาว่ากันภายหลัง นั่นเท่ากับว่าจากเดิมอาจผ่อนเดือนละ 2 หมื่นบาท ก็จะเพิ่มเป็น 2.5 หมื่นบาท สุดท้ายเมื่อผ่อนไม่ไหวก็จะกลายมาเป็นเอ็นพีแอลต่อไป เป็นหนี้เสียเกิดขึ้น ซึ่งเวลาที่ตลาดเป็นของ ผู้ซื้อก็จะเกิดภาวการณ์เช่นนี้ ส่วนดีลเลอร์ก็ลอยตัวไป เงินก็ได้ รถก็ขายออก เกิดขึ้นได้ทั้งกับรถป้ายแดงและ รถมือสอง

และแม้ลูกค้าจะคืนรถให้กับผู้ประกอบการเช่าซื้อ มูลค่ารถที่ขายต่อถึงยังไงก็ไม่ครอบคลุมกับมูลหนี้ที่ติดค้างอยู่ดี หนี้ที่ค้างไว้อยู่ก็ยังสูงกว่ามูลค่ารถที่ขายได้ เท่ากับว่ารถก็ต้องเสียไปและก็ยังเป็นหนี้อยู่ หรือถ้าคิดจะเบี้ยวหนี้ก็ยังถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอีก เป็นลักษณะงูกินหางต่อไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ในความเป็นจริงผู้ประกอบการธุรกิจเช่าซื้อไม่อยากจะยึดรถอยู่แล้ว เพราะถึงอย่างไรก็ได้ไม่คุ้มเสีย

ด้าน จามรี เกษตระกูล รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดสินเชื่อรายย่อย ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การให้สิทธิประโยชน์ตอนซื้อรถ เช่น ส่วนลดซื้ออุปกรณ์ตกแต่งรถ หรือส่วนลดเป็นเงินสด เรียกว่าเงินทอน เงินเหลือ โดยปกติค่ายรถมักมีการนำเสนอโปรโมชั่นลักษณะนี้ให้เห็นอยู่แล้วเป็นการทั่วไป เนื่องจากเป็นการแข่งขันเชิงธุรกิจ ซึ่งในแง่ของธนาคารยังไม่เห็นสัญญาณความน่ากังวล เนื่องจากเป็นการให้สินเชื่อบนราคาซื้อรถจริง และยังไม่พบว่ามีการขอสินเชื่อที่เกินราคาซื้อขายรถ

ปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารยังไม่เห็นการให้สินเชื่อรถแบบมีเงินทอน หรือส่วนลดที่สามารถปรับเป็นเงินสดคืนให้กับผู้กู้ตรง เนื่องจากการให้ สินเชื่อของธนาคารมีการให้สินเชื่อและจ่ายตรงไปยังบริษัทรถ จึงยังไม่เห็นสถานการณ์ดังกล่าว ขณะเดียวกันการให้สินเชื่อของธนาคารก็มีการกำหนดการให้กู้ของแต่ละผู้กู้อยู่แล้ว โดยดูจากความสามารถของแต่ละคน หากเทียบกับหลักประกัน รวมถึงภาระหนี้ต่อรายได้ผู้กู้เป็นหลักด้วย เพื่อให้การปล่อยกู้ไม่มีความเสี่ยง จริงอยู่แม้มูลค่าเงินทอนที่ออกมา เมื่อเทียบต่อคันแล้วอาจแค่เพียงหลักหมื่นหรือหลักแสนบาท แต่ก็ถือว่ามีความเสี่ยงสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจเช่าซื้ออยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันภาวะการแข่งขันของตลาดเช่าซื้อรถยนต์ยังรุนแรง โดยเฉพาะการแข่งขันด้วยการลดดอกเบี้ยสินเชื่อรถมือสอง ซึ่งผู้ประกอบการรายใหญ่แข่งกันกวาดยอดเข้าพอร์ตของตัวเอง เพื่อมาชดเชยกับตลาดรถป้ายแดงที่อัตราดอกเบี้ยยังต่ำอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่น แคมเปญคิดดอกเบี้ยรถมือสองทุกปีไม่ถึง 3% ทั้งๆ ที่ควรจะคิดตามอายุจริงของรถ ดังนั้น ถ้าเกิดหนี้เสียหรือเอ็นพีแอลเพียงนิดเดียวก็จะกลายเป็นขาดทุนทันที

ยิ่งช่วงไตรมาส 4 นี้ จะเห็นได้ชัดเจนสุด เมื่อผู้ประกอบการเช่าซื้อต้องดันยอดให้ถึงเป้าให้ได้ เพราะนั่นย่อมหมายถึงเงินเดือนที่จะขึ้นและโบนัสที่จะได้ด้วย ส่วนหนี้เสียที่จะตามมาเป็นเรื่องของอนาคตที่ต้องว่ากันอีกที จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลเมื่อการอนุมัติสินเชื่อไม่อยู่บนหลักการที่ดี

แม้ตอนนี้ ธปท.ก็เห็นสัญญาณในเรื่องหนี้เสียรถยนต์ที่เริ่มขยับขึ้น และได้เข้าไปตรวจสอบกับผู้ประกอบการเช่าซื้อในสังกัดที่ดูแลอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่เข้ามาดูแลตั้งแต่ต้นๆ แต่สุดท้ายแล้วเชื่อว่าในปีนี้ผลประกอบการของผู้ประกอบธุรกิจเช่าซื้อแต่ละเจ้าจะยังดีอยู่ ส่วนอะไรที่มีปัญหาในปีนี้คงยังไม่เห็นมาก เพราะเอ็นพีแอลจะเห็นชัดก็ต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ถ้าเจ้าไหนมีปัญหาหรือซุกขยะไว้ใต้พรมเยอะๆ ก็คงจะโผล่ให้เห็นเต็มๆ ใน ปีหน้า

โดย ฉัตรชัย ธนจินดาเลิศ

Source: Posttoday

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

สนับสนุนข่าวโดย ICMarkets
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"