ธุรกิจของปตทรพี. นั้นมีตั้งแต่ ต้นน้ำและปลายน้ำ ต้นน้ำคือตั้งแต่ ปตทรพี.สถ,เจาะและผลิต และมาขายให้ ปตทรพี. แล้วก็ส่งโรงกลั่น ก็ธุรกิจโรงกลั่น ที่ในไทยมี 7 โรง เป็นของ ปตทรพี. มีหุ้นใหญ่ถึง 6 โรง อีกหนึ่งโรงเป็นของ Exxon mobile
เป็นเครือแสตนดาร์ดออยล์ ของอเมริกา... บริษัทค้าปลีกน้ำมันที่เราเห็นหลากหลายนั้นเป็นแค่ "ธุรกิจปลายน้ำ" ของพวกเขา เพราะหลายบริษัทค้าปลีกน้ำมันที่สุกแล้ว หรือน้ำมันสำเร็จรูป มักจะซื้อน้ำมันดิบทั้งจากนอกหรือในไทยเอง ( เช่น เชฟร่อนขายน้ำมันดิบที่เจาะในหลุมที่สัมปทานจากไทยให้กับปั๊มยี่ห้อ A, แล้ว A ก็อาจจะเอามากลั่นกับ 1ใน 6 โรงของ ปตทรพี. ) มากลั่นและขายในไทยให้คนไทยซื้อแพงๆเอง
... ดังนั้น "ค่ากลั่นน้ำมัน" จึงเป็นอีกรายได้ที่ปลายทางเข้ากระเป๋าของเขาเต็มกระเป๋าเหมือนเดิม คล้ายๆการค้าแบบ OEM รับจ้างผลิตให้เจ้าอื่นไปใส่แบรนด์ขายเอง
... น้ำมันดิบที่เจาะจากไทยเองนั้นถ้าทำแบบซาอุดิอาระเบีย จะทำให้ราคาถูกมาก เขามีโรงกลั่นกระจายตามทั่วประเทศ 10 โรง ตะวันออกสาม ภาคกลางสอง ตะวันตกสี่โรง ทำให้การขนส่งน้ำมันดิบไปโรงกลั่นง่าย ประหยัดค่าขนส่ง ที่เขาก็คิดตามจริง, ราคาน้ำมันขายปลีกที่ซาอุดิอาระเบียที่ขายให้ชาวบ้านจึงถูกมาก, ไม่ได้คิดทบต้นทุนเกินจริงหลอกคนไทย โดยน้ำมันดิบไทยเราถูกเอา "ค่าขนส่ง" เช่นราคาเท่ากับขนส่งจากสิงคโปร์หรือตะวันออกกลาง มาที่ไทยบวกเข้าไป, และยังมี "ค่าประกัน" ขนส่ง" จากสิงคโปร์หรือจากตะวันออกกลางมาอีก เพราะทุกการขนส่งต้องมีค่าประกันเป็นเรื่องปรกติของทุกธุรกิจที่ขนส่งทางไกล
... แต่ "ค่าขนส่งและค่าประกันการขนส่ง" นั้น ไม่เป็นจริงสำหรับน้ำมันที่เจาะในไทย ขนส่งมาที่โรงกลั่นในไทยและขายในไทย , เป็นการโกงกันมาเป็นธรรมเนียมของคนรวยแบบรวยเพราะโกง แบบคนไทยไม่เคยรู้
... เช่นซาอุดเขาคิดค่าขนส่งจากถังเก็บมาโรงกลั่นอาจจะแค่ไม่กี่เซนท์ต่อหนึ่งบาร์เรล
... ยังไม่พอและคนไทยเราถูกเพิ่ม "ค่าสูญเสีย" เข้ามาในการราคาน้ำมันดิบก่อนกลั่น ซึ่งสมมุติว่าเกิดความผิดพลาดจากการทำงานของพนักงาน ปตทรพี. เอง ที่เครมประกันไม่ได้ เขาจะคิดรายจ่ายตรงนี้ไว้แล้ว คล้ายๆ ค่าเอฟทีของการไฟฟ้า เป็นการ Top up เงินแบบเกินจริง สอดไส้กำไรแบบเนียนๆ, ถ้าเราขายก๋วยเตี๋ยวเราก็คิดราคาตามจริง เราไม่เคยคิดค่าทีมงานเราซุ่มซ่ามทำหม้อซุบหก หรือ วันไหนขายไม่ได้ตามเป้า เพราะหมูเน่าเร็ว ไม่งั้นเราคงขายไม่ได้ เพราะร้านอื่นขายราคานี้ แต่ ปตทรพี. ทำได้ เพราะเขาผูกขาดน้ำมัน
... ถึงมันเกิดการสูญเสียจริงที่เครมประกันไม่ได้ มันก็เป็นการบริหารหรือดำเนินการที่สับเพร่าของเขา จะมาเพิ่มมาในราคาน้ำมันอีกทำไม เอาเปรียบชัดๆ ถ้าเรายัดค่าเนื้อก๋วยเตี๋ยวถูกสุนัขคาบไปกิน เพราะเราไม่รอบคอบ มันจะยุติธรรมกับลูกค้าเราหรือ เรือส่งน้ำมันรั่วเพราะไม่รอบคอบเอง มาชาร์จเราได้หรือ?
... และถ้าไม่เกิดการสูญเสียอะไรเลยตลอดหนึ่งปี 10 ปี ค่าใช้่จ่ายนี้เราถูกเอาเปรียบแบบฟรีๆเลยใช่ไหม ?
... ดังนั้น "น้ำมันดิบตลาดโลก" เดินทางมาโรงกลั่น "ก่อนถูกต้มให้สุกหรือกลั่นแยก" สารเป็นขั้นๆนั้น จะถูกบวกด้วย 3ค่า ที่ไม่่เป็นจริงนี้เลย ทั้ง "1)ค่าขนส่ง, 2)ค่าประกัน, 3)และค่าสูญเสีย"
... ยังไม่จบ หลังกระบวนการกลั่่นจะมีการเพิ่ม "4)ค่าปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน" มาอีก ซึ่งอันนี้ดูมีตัวตน ในการใส่สารบางอย่างเข้าไปจริง เช่นสารเพิ่มออกเทน แต่ก็มีคำถามว่า เคยมีการขอตรวจสอบว่า สารที่เติมมีอะไรบ้าง เติมด้วยสารอะไร ราคาเท่าไหร่ กี่ลูกบาศก์ต่อบาร์เรล ขอตรวจสอบแบบข้อมูลปฐมภูมิได้ไหม เพราะข้อมูลทุติยภูมิแบบกรอกข้อมูลมาให้ดูนั้น องค์กรแบบนี้ไม่น่าเชื่อถือ
... เพราะการกลั่นจากน้ำมันดิบให้เป็นน้ำมันสุกนั้นมีหลายขั้น เช่น ผลออกมามีทั้งเป็นน้ำมันเตา หรือ Kerosene, เป็นน้ำมันดีเซล, เบนซิล, หรือ LPG หรือ แก๊สเหลว ค่านี้เป็นจริง แต่ขอดูหน้างานจริงได้ไหม เช่นผู้รับเหมาก่อสร้างบอกว่าต้องปูกระเบื้องบ้านใช้พื้นที่ 1,000 ตรม. แต่ปรากฏว่าผู้
ควบคุมงานดูแล้วใช้แค่ 300 ตรม. ส่วนเกินคือกำไรที่มาจากการโกงกิน เพราะกระทรวงพลังงานไม่เคยสนใจตรวจหรือยินยอมให้ "ภาคประชาชน" ผู้เลือกตั้งมีิสิทธิ์มากกว่าหย่อนบัตรเลือกตั้งเลย
... เช่น "น้ำมันสำหรับเครื่องบินเจ็ต" Gas turbine จะต้องมีการใส่สารบางอย่างเพิ่มคุณภาพ เช่นสารลดควันดำ พร้อมเติมสารต่อต้านการจับเป็นน้ำแข็ง หรือ Anti-Icing , Anti-Static ถ้าแบบนี้ต้องให้ไปตรวจสอบได้ไหมว่า น้ำมันไหน ใช้เพื่ออะไร ค่าแบบนี้ต้องราคาไม่เท่ากัน
... และค่าที่ 5) "ค่าสำรองน้ำมัน" ตามกฏหมายไทย รัฐระบุว่าผู้ค้า
น้ำมันต้องสำรองน้ำมันดิบไว้ 6% ของกำลังการผลิต เพื่อมั่นใจว่าน้ำมันไม่ขาดแคลน , และน้ำมันสุกที่กลั่นแล้ว 1% ของยอดขายปรกติ , เหมือนพ่อค่าก๋วยเต๋ยว แม่ค้าข้าวแกงที่เก็บเส้น หรือเก็บกะทิ เนื้อ ผัก ไข่ในตู้แช่ ก็เอาเงินยัดใส่ในค่าข้าวแกงหรือ ก๋วยเตี๋ยวได้อีกก็คงดี "ค่าเงินแช่แข็งไม่เกิดรายได้" เช่นบริษัทขายอุปกรณ์ก่อสร้างบางร้าน ไม่สต๊อกของไว้ เพราะเงินจะนิ่งตาย ไม่เกิดรายได้ จะใช้การสั่งเป็นครั้งๆแทน , ร้านค้ารายย่อยทำไม่ได้ แต่ ปตทรพี. และบริษัทน้ำมันใหญ่ ได้ค่าตรงนี้ เข้าไปด้วย อยู่ในราคาน้ำมันเราแล้ว
... ดังนั้น ค่าใช้จ่ายทั้ง 5) อย่าง จึงทำให้ราคาน้ำมันไทย ตอนต้มสุกออกจากหม้อกลั่นจึงแพงกว่าปรกติ , ( จริงๆแล้วยังมี ,"ค่ากลั่น" เพราะผูกขาดโรงกลั่น ทำให้คิดค่าโรงกลั่น แพงกว่าปรกติได้ เช่น ผูกขาดการทำเส้นบะหมี่แบบเจ้าเดียวในจังหวัด เลยคิดแพงๆเสียเลย )
... เมื่อราคาทั้งหมดออกจากโรงกลั่น จึงแพงมโหฬารอลังการ์อยู่แล้ว ,
... จากนั้นก็ไปบวกภาษี เช่นค่าการตลาด กองทุนน้ำมัน อีกมากมาย เลยทำให้ราคาน้ำมันสุกปลีกในปั๊มของไทยแพงกว่าเพื่อนบ้านในย่านนี้ ทั้งที่ขุดเจาะจากหลังบ้านเราเองแท้ๆ ข้าวปลูกเอง ทุเรียนปลูกเอง กาแฟปลูกเองในสวนตัวเองแท้ๆ แต่ดันคิดราคาขายตามสตาร์บ๊วกเสียงั้น,
... และที่สำคัญที่จุกอกก็คือ"ราคาน้ำมันดิบ" ก่อนการกลั่นที่บวกค่าปลอมๆโกงๆ ทั้ง 4-5 อย่างนั้น ก่อนจะต้มจนสุกนั้นเป็นราคาน้ำมันดิบสิงคโปร์เป็นราคาตลาดที่แพงกว่าในไทย, ทุเรียนปลูกในไทยทำไมคิดราคาต่างชาติ
... คือความจริงของ "ราคาน้ำมันจริง" ที่คนไทย ถูกปิดบังความจริง ถูกปล้นเงิน มาตลอดหลายสิบปี
Cr.Jeerachart Jongsomchai
บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman