การมาของแจ็ค หม่า แห่ง อลีบาบา ในช่วยสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างกระแสทั้งในแง่บวกและลบต่อการขยายธุรกิจเข้ามาในบ้านเรา อย่างไรก็ตาม เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแจ็ค หม่า นั้น เป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง
โดยเขาสามารถสร้างบริษัทจากศูนย์ จนกระทั่งกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าระดับพันล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น แทนที่เราจะตั้งกำแพงต่อต้าน มันอาจจะดีกว่าถ้าเราจะเรียนรู้ความสำเร็จของเขาเพื่อสร้างผู้ประกอบการไทยให้สามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนกับผู้ชายคนนี้
มีอะไรบ้างที่คนไทยควรเรียนรู้จากแจ็ค หม่า ?? แจ็คได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางถึงความเป็นผู้มีวิสัยทัศน์อันกว้างไกล รวมทั้งความเป็นผู้นำที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่อยู่ทั้งในองค์กรและนอกองค์กร มาลองดูกันว่ามีอะไรบ้างที่แจ็คให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการทั่วโลก
1. พลังของโทรศัพท์มือถือ
หากเมื่อก่อนแจ็คมีความเชื่อเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต ในวันนี้ ความเชื่อของเขาอยู่ที่โทรศัพท์มือถือ เมื่อก่อนเราอาจจะต้องใช้อินเตอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์ แต่ในวันนี้เมื่ออินเตอร์เน็ตวิวัฒนาการไปข้างหน้า โทรศัพท์มือถือจึงกลายเป็นขุมพลังที่มาแทนคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ ซึ่งขุมพลังนี้มีความสามารถที่จะติดตัวมนุษย์ไปได้ทุกที่ มีความสามารถที่จะเชื่อมโยงข้อมูลถึงกัน มีความสามารถในการติดต่อสื่อสารกับคนทั่วโลก มีความสามารถในการซื้อสินค้าทุกอย่างบนโลกนี้ได้ ไปจนถึงมีความสามารถที่จะทำงานได้ทั่วทุกแห่งบนโลกนี้ ขอเพียงมีโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่การพัฒนาของ Alibaba นั้น ไปในทิศทางที่มีความเชื่อมโยงกับการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ ถึงทุกวันนี้ การซื้อของออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือนั้นเป็นชีวิตปกติของชาวจีนไปแล้ว และปัจจุบันนี้ คนจีนมีการเปิดใช้โทรศัพท์มือถือแล้วกว่าหนึ่งพันสี่ร้อยล้านเบอร์
2. เรากำลังจะจบยุค B2C แต่กำลังจะเข้าสู่ยุค C2B แทน
ในยุคก่อนนี้ การเสนอขายสินค้าเป็นหน้าที่ของเจ้าของผลิตภัณฑ์ ที่จะเข้าไปติดต่อ หรือทำโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้า แต่ในยุคต่อไป ผู้ขายจะไม่ใช่ผู้วิ่งเข้าหาลูกค้าอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นลูกค้าที่ทำการหาข้อมูลต่างๆ ด้วยตัวเองผ่านฐานข้อมูลที่มีอยู่ในอินเตอร์เน็ต เพื่อตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของผู้ขายรายหนึ่งๆ พูดง่ายๆ ว่า ต่อไปจะเป็นยุคที่ลูกค้าจะตามหาสินค้าและบริการที่พวกเขาต้องการด้วยตนเองโดยไม่ต้องรอให้ผู้ขายเป็นฝ่ายนำเสนอใดๆ เลย เพราะเหตุนี้ ในอนาคต สินค้าและบริการที่มีคุณภาพจะเจริญเติบโต ในขณะที่สินค้าและบริการที่ไม่มีคุณภาพ จะพ่ายแพ้ไปในที่สุด
3. การเปลี่ยนแปลงของประเทศจีน จากประเทศผู้ส่งออกสู่ประเทศผู้นำเข้า
หากคุณเอาแต่ทำธุรกิจส่งออกมากเกินไป ทรัพยากรของประเทศจะถูกใช้อย่างสิ้นเปลือง และประเทศจะมีแต่มลพิษเต็มไปหมด นี่คือมุมมองของแจ็คต่อการทำธุรกิจส่งออก การทำธุรกิจส่งออกนั้นดีตรงที่ใช้ทรัพยากรในประเทศเพื่อส่งไปขายต่างประเทศและสร้างความมั่งคั่ง แต่มันก็แลกมากับการสร้างโรงงานที่ก่อให้เกิดมลพิษเต็มไปหมด ดังนั้น ในวันนี้เมื่อคนจีนมีความมั่งคั่งเพิ่มมากขึ้น คนจีนจึงมีการเปลี่ยนพฤติกรรม กลายเป็นผู้บริโภคมากขึ้น ต้องการการบริการมากขึ้น ซึ่งจะไปดันธุรกิจภาคบริการให้ขยายการเติบโตด้วยเช่นกัน
4. ไม่ว่าใครก็หยุดโลกาภิวัฒน์ไม่ได้
แจ็คกล่าวว่า ในสมัยปู่ของเขาทำงาน 20 ชั่วโมงต่อวัน จึงบอกว่าทำงานหนัก ในสมัยของแจ็ค เขาทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันจึงบอกว่าทำงานหนัก แต่ในสมัยของลูกเขา อาจจะทำงานเพียง 4 ชั่วโมงต่อวันก็บอกว่าทำงานหนักแล้ว หากมองกันที่ชั่วโมงการทำงานอาจรู้สึกว่าคนรุ่นใหม่ขี้เกียจ แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่มาแทนที่การทำงานคือการเดินทาง และความสามารถที่จะทำงานบนอุปกรณ์ที่ตนติดตัวไปได้ทุกที่ทุกเวลา คนสมัยก่อนในชีวิตหนึ่งอาจเดินทางเพียงแค่สองถึงสามเมือง แต่สมัยนี้คนเราสามารถเดินทางไปได้มากกว่า 20 ประเทศในช่วงชีวิตหนึ่ง เมื่อมีการเดินทางตลอดเวลา จึงสามารถเกิดธุรกิจได้ทุกที่ ดังนั้น จึงไม่มีใครสามารถหยุดโลกาภิวัฒน์ได้
5. กุญแจของการค้าเสรีคือการเคารพในวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ
แจ็คพูดเสมอว่าเขาเชื่อในการค้าเสรี ประโยคทองของเขาคือ หากการค้าเกิด เมื่อนั้นโลกจะมีสันติภาพ แต่หากไม่มีการค้า เมื่อนั้นสงครามจะเกิดขึ้น แจ็คกล่าวว่าการค้านั้นทำให้เกิดการพูดคุยเจรจา เมื่อเกิดการพูดคุย จึงเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดของการค้าเสรีไม่ใช่การสร้างกำไร หากแต่เป็นการเคารพในวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ เมื่อเข้าใจและเคารพซึ่งกันและกัน การค้าจึงเป็นไปด้วยความราบรื่น
6. องค์กรที่มีขนาดเล็กลง
แจ็คเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้า บริษัทจะมีขนาดเล็กลง หากวันนี้บริษัทที่มีพนักงานหลักพันคนคือบริษัทขนาดใหญ่ ในวันหน้า บริษัทที่มีพนักงานเพียงหลักสิบคนก็สามารถเป็นบริษัทขนาดใหญ่ได้ โดยวัดจากมูลค่าของบริษัท ต่อไปอินเตอร์เน็ตจะทำให้การทำงานของมนุษย์เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น พนักงานเพียงหนึ่งคนก็สามารถสร้างมูลค่าให้กับบริษัทได้มหาศาล
7. จงเชื่อ แล้วความสำเร็จจะตามมา
หนึ่งในปรัชญาของแจ็คหม่าคือการสร้างความเชื่อ อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในวันที่แจ็คก่อตั้งอลีบาบา ประเทศจีนไม่มีโครงสร้างพื้นฐานใดๆ ที่เกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตเลย แม้แต่การขนส่งเองก็มีความยากลำบากเป็นอย่างมาก แต่ถึงแม้ในวันนั้น คนจีนจะยังไม่รู้จักแม้กระทั่งอินเตอร์เน็ต แต่สิ่งที่แจ็คมีคือความเชื่อ เป็นความเชื่อที่ว่าอินเตอร์เน็ตจะสามารถเข้าถึงคนทุกคนบนโลกนี้ได้ แม้จะต้องถูกปฏิเสธจากผู้คนนับร้อยนับพันคน แต่เพราะความเชื่อและความไม่ยอมแพ้ จึงทำให้เขาสามารถสร้างในสิ่งที่ครั้งหนึ่งไม่มีใครเชื่อ ให้เป็นความจริงขึ้นมาได้ในวันนี้
8. คนเราควรคิดว่าการถูกปฏิเสธเป็นเรื่องปกติ
แจ็คถูกปฏิเสธมาเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทำไมเขายังคงมองโลกในแง่บวกได้ หนึ่งในเคล็ดลับนั้นคือการคิดว่าการถูกปฏิเสธเป็นเรื่องปกติ แต่การถูกตอบรับต่างหาก ที่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ แจ็คกล่าวว่าการถูกปฏิเสธนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อคุณเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือ หรือขอความร่วมมือจากใครสักคน มันธรรมดามากที่เขาจะไม่เชื่อคุณ คำถามสำคัญคือ เพราะอะไรเขาจึงควรจะช่วยเหลือคุณล่ะ คุณทำอะไรที่มีค่าและน่าเชื่อถือมากเพียงพอต่อการช่วยเหลือนั้น ดังนั้นเมื่อเขาถูกปฏิเสธ เขาจึงมองว่ามันธรรมดา ผิดกับเมื่อมีคนตอบรับ มันจะกลายเป็นเรื่องเหลือเชื่อไปในทันที การสร้างแนวคิดเช่นนี้ทำให้เขายังคงมองทุกอย่างในแง่บวกอยู่ได้แม้จะถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม
9. จงเรียนรู้ เตรียมรับมืออนาคต เลิกบ่นและโทษสิ่งรอบตัว
อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ แต่สามารถเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่จะเกิดในอนาคตได้ มีคนจำนวนมากเป็นห่วงและกลัวเรื่องเทคโนโลยี เช่นการมาของ AI ที่กล่าวกันว่ามันจะมาแทนที่มนุษย์ และงานบนโลกนี้จะหายไป หรือการมาของอินเตอร์เน็ตที่ทำให้ธุรกิจแบบเดิมๆ เริ่มล้มหายตายจากไป แจ็คกล่าวว่าด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาไปข้างหน้า ทำให้สภาพแวดล้อมต่างๆ เปลี่ยนไป ซึ่งผู้ที่ทำธุรกิจจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนรู้และรับมือกับอนาคตข้างหน้า เพราะไม่ว่าคุณจะเตรียมรับมือกับมันหรือไม่ก็ตาม อย่างไรมันก็มาอยู่ดี จะกลัวหรือจะบ่น จะโทษอะไร ก็ล้วนแล้วแต่ไม่มีประโยชน์ หนทางที่ถูกต้องคือยอมรับความเปลี่ยนแปลง เรียนรู้ที่จะรับมือ เลิกบ่นแล้วมองหาโอกาสจากอนาคตที่กำลังจะเดินทางมาหา
10. IQ / EQ และ LQ
แจ็คกล่าวเสมอว่าเขากังวลเรื่องการศึกษา การศึกษาด้วยระบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นการท่องจำหรือการคิดคำนวนให้รวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งเสริม IQ ให้กับเด็กนั้น ต่อไปล้วนแล้วแต่ไร้ประโยชน์ เพราะสมองมนุษย์ ไม่สามารถจะจดจำและคิดคำนวนได้ดีไปกว่าคอมพิวเตอร์ แจ็คบอกว่า เราควรจะส่งเสริมการสร้าง EQ ให้กับเด็ก นั่นคือการสร้างให้เด็กมีความเชื่อ รู้จักการให้คุณค่ากับสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะวัฒนธรรมหรือรากเหง้าที่สืบทอดต่อมาจากบรรพบุรุษ สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ สามารถคิดอย่างสร้างสรรค์ สร้างความแตกต่างให้ตนเอง ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติที่หุ่นยนต์ไม่สามารถจะมีได้ และจำเป็นต้องสร้างให้กับเด็กๆ รุ่นใหม่ สุดท้าย คือ LQ หรือ ความสามารถที่จะรักผู้คน เพราะเมื่อมนุษย์มี IQ มี EQ ที่สามารถทำให้ตนประสบความสำเร็จได้ สิ่งสำคัญที่สุด พวกเขาจะต้องรักคนรอบข้างเป็น เพื่อที่พวกเขาจะได้รับความรักจากคนรอบข้างตอบ และสร้างความสุขที่สมบูรณ์ในชีวิตได้
Mei Dinotech5.0
บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman