หลังจากการเตรียมตัวด้วยความเข้าใจข้อมูลพื้นฐานของตลาดเหรียญคริปโต และเตรียมใจในการรับความเสี่ยงที่สูงมาก ถึงขั้นหมดมูลค่าแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนสำคัญในการลงทุน คือ วิธีการลงทุน
ในขั้นตอนนี้มีความจำเป็นในการเลือกหลายอย่า ตั้งแต่ เลือกเว็บเทรด, เลือกสกุลเงินที่จะลงทุน, เลือกกลยุทธ์, เลือกหาจุดเข้า-ออก เป็นต้น ลำดับแรกมาเลือกวิธีการ และสถานที่ๆจะลงทุนก่อน
ส่วนตัวแบ่งวิธีการลงทุนในเหรียญคริปโตเป็น 3 วิธี คือ
1. การขุดทั้ง Bitcoin และ Altcoin หากมือใหม่มากอาจจะสงสัยว่าเงินดิจิตอลจะขุดอย่างไร แต่ก็คงเคยได้ยินว่า มีการขุดบิทคอยน์ ในปัจจุบันการขุดค่อนข้างยากมาก วิธีการนี้จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์แบบเฉพาะที่มีกำลังสูงมากเพื่อใช้ไขรหัสลับของเหรียญคริปโต จึงทำให้มีต้นทุนทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ และค่าไฟฟ้าที่สูงมาก ปัจจุบันวิธีนี้ยังมีนักขุด แต่เป็นจำนวนไม่มาก เพราะขุดยากขึ้นมากและต้นทุนสูง
2. การเทรด (ซื้อ-ขาย) ผ่านออนไลน์แพลตฟอร์ม ซึ่งปัจจุบันได้รับนิยมมาก ส่งผลให้มีเว็บเทรดเงินดิจิตอลเกิดขึ้นมากมาย เว็บที่มีคนเทรดมากที่สุดในโลก ได้แก่ Binance, Poloniex, BitFinex, OKEx ฯลฯ เว็บที่เป็นที่นิยมที่สุดในญี่ปุ่น ได้แก่ Coinmama, LocalBitcoins, bitFlyer, Coincheck, Krakenฯลฯ ในประเทศไทยปัจจุบันก็มีหลายเว็บเทรดสกุลเงินดิจิตอล มีหลากหลาย ทั้งเว็บต่างชาติ และเว็บสัญชาติไทย เช่น BX.in.th, Binance, TDAX(ไทย), Coinbx(ไทย) ฯลฯ โดยคุณมีอิสระในการเลือกที่จะเทรดในเว็บใดก็ได้ ทั้งในไทย และต่างประเทศได้ หลังจากที่คุณมีเงินดิจิตอล แต่หากจะใช้เงินบาทซื้อ หรือขายเงินดิจิตอลกลับมาเป็นเงินบาท ก็ต้องใช้เว็บในประเทศไทย ที่รองรับเงินบาทเท่านั้น
3. การยืมเงินดิจิตอล (rent) คือการยืมเงินดิจิตอลและให้กำไรตามที่ตกลงกับผู้ที่ให้ยืม โดยมากแล้วกรณีนี้มักจะคาดการณ์ว่าราคาของเหรียญนั้นจะปรับลด โดยทำกำไรจากการที่ขายทำกำไร และซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่า
เมื่อคุณมีเงินดิจิตอลแล้ว ก็เปรียบเสมือนการมีเงิน คุณอาจจะเก็บไว้บนเว็บเทรดที่คุณใช้ หรืออาจจะหากระเป๋าใส่เงิน ซึ่งในปัจจุบันกระเป๋าเงินที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ “Blockchain” ซึ่งปัจจุบันรองรับเพียงแค่ 3 สกุลเงินดิจิตอล คือ BTC, ETH และ BCH การย้ายเงินใส่กระเป๋าเงินนั้นเป็นวิจารญานส่วนบุคคล ดิฉันมองว่าเป็นวิธีการเพิ่มความปลอดภัยให้กับเงินมากขึ้น เช่น ล่าสุดเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีข่าวที่เว็บเทรดคริปโตในญี่ปุ่น โดนแฮกกว่า 500 ล้านดอลลาร์ เป็นต้น ปัจจุบันยังไม่มีรัฐบาลใดมีมาตรการช่วยเหลือนักลงทุน ดังนั้นนักลงทุนจะรับความเสี่ยงไว้ทั้งหมด หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็จะสูญเสียไปทั้งหมด แม้กระทั่งในยุโรปเองก็ยังไม่มีการช่วยเหลือในกรณีเหรียญคริปโตโดนแฮก เช่น เพื่อนที่เนเธอแลนด์ ก็เคยประสบเหตุการณ์ที่เว็บเทรดโดนแฮก และสูญเสียเงินไปเช่นเดียวกัน
ดังนั้นดิฉันขอแนะนำให้เลือกเว็บเทรดที่มีความน่าเชื่อถือ มีการขอดำเนินธุรกรรมผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีประวัติดีตั้งแต่เปิดทำการมา คือ มีการซื้อ-ขาย ตามราคาตลาด, การทำธุรกรรมรวดเร็ว, มีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่ลูกค้าสามารถติดต่อได้เมื่อมีปัญหา, และจัดการกับปัญหาอย่างถูกต้องโปร่งใส จากประสบการณ์ส่วนตัวดิฉันมีการโอนเงินดิจิตอล ผ่านเว็บในประเทศไทย ไปเว็บในต่างประเทศ และกระเป๋าเงิน Blockchain ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์ทั้งที่โอนจากเว็บไปแล้วเงินไม่เข้า หรือ โอนจากเว็บต่างประเทศเข้าเว็บไทยแล้วไม่เข้า ก็มีความจำเป็นที่จะต้องติดต่อทางเจ้าหน้าที่ ผ่านทางอีเมล หรือช่องทางการติดต่อของเว็บนั้นๆ
โดย นิรมล นิตย์นิธิพฤทธิ์ (นักวิเคราะห์การเงิน, Olymp Trade)
บทความสนับสนุนโดย FXPro.com
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman