AIRA Group กำลังร่วมมือกับกองทุนและตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเพื่อกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้น Nikkei โดยมองเห็นสัญญาณบวกจากเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว ค่าเงินเยนที่อ่อนตัว และผลประกอบการบริษัทที่ดีขึ้น รวมถึงนโยบายจากรัฐบาลญี่ปุ่นที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 46% ภายในปี 2573
ในการสัมมนานักลงทุนกลุ่ม High Net Worth ภายใต้หัวข้อ "Exploring Japanese Investment Opportunity" ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 AIRA Group จะเน้นแนะนำโอกาสการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นและตลาดต่างประเทศ รวมถึงประโยชน์ที่นักลงทุนสามารถรับจากการลงทุนในตลาดญี่ปุ่นในช่วงเวลานี้
นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ไอร่า แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ได้พูดถึงความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (TSE) และกลุ่มบริษัทไอร่า โดยยกย่องว่า การที่ TSE เลือกกลุ่มไอร่าเป็นพันธมิตรนั้น แสดงถึงความเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพและการดำเนินธุรกิจตามหลักจริยธรรมและจรรยาบรรณที่ดี
นางนลินีได้ชี้ให้เห็นว่า ไอร่าได้รับการประเมินให้เป็นบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีการกำกับดูแลกิจการในเกณฑ์ดีเลิศจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) อย่างต่อเนื่องถึง 5 ปี ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงถึงการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำหลายแห่ง เช่น AIFUL Corporation, Kenedix Asia Pte. Ltd., NEC Capital Solutions Limited (NECAP) และ Sumitomo Mitsui Trust Bank (Thai) ยิ่งเสริมสร้างความมั่นใจในกลุ่มไอร่าและเพิ่มความน่าเชื่อถือในตลาดการลงทุน
นายฮิโรกิ คาวาอิ เจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสฝ่ายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (TSE) ได้เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ดัชนี Nikkei 225 เพิ่มขึ้น 13% ตั้งแต่ต้นปี 2567 และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 34 ปีที่ 40,914 จุด เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีอย่างต่อเนื่องในตลาดหุ้นญี่ปุ่น
การลงทุนในตลาดหุ้นโตเกียวเพิ่มขึ้นเนื่องจากหลายปัจจัยที่สนับสนุน:
-
การลงทุนของนักลงทุนสถาบันชั้นนำจากต่างประเทศ: นักลงทุนสถาบันเหล่านี้มองเห็นโอกาสในการเติบโตของผลประกอบการจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นและประสิทธิภาพการใช้เงินทุนของบริษัทจดทะเบียน ส่งผลให้ยอดการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนสถาบันต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 49.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤษภาคม 2567.
-
การส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยทั่วไป: หน่วยงานสถาบันการเงินของญี่ปุ่นได้ขยายโครงการบัญชีออมทรัพย์เพื่อการลงทุนญี่ปุ่นปลอดภาษี (NISA) ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 โดยมีเป้าหมายการลงทุนรวม 56 ล้านล้านเยนภายในปี 2570 เพิ่มจาก 35 ล้านล้านเยนในปี 2566. ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2567 การซื้อผ่านบัญชี NISA ใหม่มีมูลค่ารวมมากกว่า 6.6 ล้านล้านเยน ซึ่งนักลงทุนรายย่อยได้ลงทุนเพิ่มขึ้นเกือบ 3 ล้านล้านเยนผ่านบัญชี NISA.
ทั้งสองปัจจัยนี้มีส่วนสำคัญในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในตลาดหุ้นโตเกียวและช่วยสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของดัชนี Nikkei 225
นายคาซุนากะ ซาโซ ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของแผนกการลงทุนแบบแอ็คทีฟที่ Sumitomo Mitsui Trust Asset Management ได้แสดงความคิดเห็นว่า ดัชนี Nikkei 225 ยังมีศักยภาพในการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและแผนส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลญี่ปุ่น โดยเน้นย้ำว่าอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ของดัชนี TOPIX ของญี่ปุ่นอยู่ที่ 15.2 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567 ซึ่งต่ำกว่าดัชนี S&P 500 ที่ 21.2 เท่า และดัชนี STOXX Europe 600 ที่ 13.6 เท่า
ปัจจัยที่สนับสนุนการเพิ่มขึ้นของดัชนี Nikkei 225 ได้แก่:
- การปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราค่าจ้าง: ซึ่งเป็นการปรับตัวที่เห็นได้ชัดในรอบหลายปี
- การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว: คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในญี่ปุ่นประมาณ 35.1 ล้านคนในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 25.1 ล้านคนในปีที่แล้ว
- การลงทุนจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์: การเข้ามาลงทุนของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเซมิคอนดักเตอร์ เช่น Intel, Samsung และ TSMC ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในญี่ปุ่น
ปัจจัยเหล่านี้ร่วมกันช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นญี่ปุ่นและสนับสนุนการเติบโตของดัชนี Nikkei 225
นายนาโอฮิเดะ อูเนะ ผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนอาวุโสของ Investment Lab กล่าวว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้แสดงผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดตั้งแต่ปี 2566 โดยได้รับการสนับสนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ในภาคการเงิน ยานยนต์ อุตสาหกรรม เซมิคอนดักเตอร์ และ B2B ซึ่งส่งผลให้เขาเชื่อว่าตลาดหุ้นโตเกียวยังมีศักยภาพในการปรับตัวสูงขึ้นได้อีก โดยปัจจัยที่สนับสนุนประกอบด้วยการปรับปรุงการกำกับดูแลกิจการ อัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ แต่มั่นคง และแนวโน้มเชิงบวกจากนักลงทุนในประเทศที่ยอมรับความเสี่ยงผ่านโปรแกรม NISA
นายยูกิ อิชิดะ ผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ YCP Holdings (Global) Limited แนะนำให้นักลงทุนพิจารณาลงทุนในหุ้นที่มีพื้นที่ดีและให้ความสำคัญกับปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (DX) การควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) โลกาภิวัตน์ โดยเฉพาะในเอเชีย และการเปลี่ยนแปลงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (GX) ตลาด DX ทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตถึง 3.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2569 โดย M&A จะเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างโอกาสการเติบโตของผลการดำเนินงานของบริษัทญี่ปุ่นที่เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานและเงินเยนที่อ่อนค่า บริษัทต่าง ๆ กำลังใช้เงินสดจากการขายทรัพย์สินเพื่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เช่น การเสริมสร้างธุรกิจหลักหรือการสำรวจธุรกิจใหม่ ๆ
นอกจากนี้ การลงทุนของนักลงทุนญี่ปุ่นในประเทศจีนได้ลดลงประมาณ 680 พันล้านเยนในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2563-2567) แต่การลงทุนในอาเซียนและอินเดียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทญี่ปุ่นกำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการเปลี่ยนแปลงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนความพยายามเหล่านี้ผ่านนโยบายที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 46% ภายในปี 2573
Cr.ThaiPR.net
----------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo